fieldid E-Thesis & Research สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
สืบค้น:

เขตข้อมูล ข้อมูล
บทคัดย่อ
การพัฒนาโฟมพอลิยูรีเทนในกระบวนการฉีดแบบทำปฏิกิริยา : งานวิจัยชิ้นนี้ทำเพื่อแก้ปัญหาข้อบกพร่องในกระบวนการผลิตพอลิยูรีเทนโฟม หรือ PU Foam โดยวิจัยอิทธิพลของคุณสมบัติของสารตั้งต้นพอลิออลเรซิน (Part A) อาทิ สัดส่วนผสมสารเติม แต่งแคลเซียมคาร์บอเนต ระยะเวลาการเก็บรักษาพอลิออลเรซิน และเงื่อนไขการผลิตโฟมพอลิยูรี เทนที่ใช้เป็นส่วนประกอบของข้อต่อไส้กรองอากาศรถยนต์ ในกระบวนการเครื่องฉีดแบบทำปฏิกิริยา (Reaction Injection Molding : RIM) ที่มีปัญหาผิวหน้าโฟมลอก ผิวย่นยุบยิบ ไม่เรียบมัน มี ฟองอากาศที่ผิวหน้าผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ทั้งแบบผิวปิดและผิวเปิด โดยตัวแปรที่สนใจศึกษา ได้แก่ อุณหภูมิผิวแม่พิมพ์20, 30, 40, 50 และ 60oC ปริมาณสารตัวเติมแคลเซียมคาร์บอเนตร้อยละ 10, 20, 30, 40, 50 และ 60 โดยน้ำหนัก และระยะเวลาการเก็บพอลิออลเรซิน 0, 5 และ 14 วัน โดย วิเคราะห์อิทธิพลของตัวแปรดังกล่าวต่อระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา ความแข็งและความยืดหยุ่น สภาพการเกิดข้อบกพร่อง สภาพสัณฐานวิทยา การกระจายขนาดและความหนาแน่นของเซลล์โฟม ผลวิจัยแสดงว่าอุณหภูมิระดับ 30oC เหมาะสมที่สุดสำหรับกระบวนการ RIM ในขณะที่ สัดส่วนการเติมแคลเซียมคาร์บอเนตไม่มีผลต่อข้อบกพร่องและระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยาแต่มีผลทำ ให้ความหนืดและความแข็งเพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วงร้อยละ 20-40 โดย น้ำหนัก สภาพสัณฐานวิทยาจากการตรวจวัดด้วยด้วยเครื่องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (Scanning Electron Microscope : SEM) แสดงผลลักษณะของเซลล์โฟมเป็นวงกลมขนาด สม่ำเสมอทุกตำแหน่งการตรวจวัด ยกเว้นตำแหน่งขอบของโมลด์ที่มีลักษณะเป็นวงรี การเพิ่มขึ้นของ อุณหภูมิในช่วง 20-50๐C ส่งผลให้ฟองหรือเซลล์โฟมที่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นเฉลี่ยจาก 70-160 m และ เนื้อของพอลิยูรีเทนนิ่มขึ้น ผลจากการเติม CaCO3 เพิ
ผู้แต่ง
ประเภทสิ่งพิมพ์
ปีที่พิมพ์
1
เลขหน้า
98 หน้า
หัวเรื่อง
หัวเรื่อง
หัวเรื่อง
เอกสารฉบับเต็ม