fieldid
เขตข้อมูล | ข้อมูล |
บทคัดย่อ |
การประยุกต์ใช้เทคนิค FMEA (Failure Mode and Effect Analysis) ในกระบวนการตรวจสอบขั้นสุดท้ายสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตวงจรรวม : วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และของเสียของกระบวนการตรวจสอบขั้นสุดท้ายสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตวงจรรวม โดยใช้การวิเคราะห์ลักษณะข้อบกพร่องและผลกระทบด้านคุณภาพ (Failure Mode and Effect Analysis: FMEA) มาใช้ในการวิเคราะห์และลดของเสียของโรงงานตัวอย่าง
จากการศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อข้อบกพร่องโดยการระดมสมองของทีมงาน ด้วยการใช้แผนผังแสดงเหตุผล การวิเคราะห์ลักษณะข้อบกพร่องและผลกระทบด้านคุณภาพสำหรับบกระบวนการผลิต จากนั้นให้ทีมผู้ชำนาญมาวิเคราะห์เพื่อประเมินค่า ความรุนแรง โอกาสการเกิด และโอกาสการตรวจพบของข้อบอกพร่อง เพื่อคำนวณค่าดัชนีความเสี่ยงชี้นำ (RPN) และพบว่ามีปัญหาหลักที่ต้องนำมาพิจารณาแก้ไขก่อน 2 ส่วน คือ 1. กระบวนการติดตั้งเครื่องจักรการโหลดโปรแกรมการตรวจสอบชิ้นงาน ยังใช้พนักงานทำการเลือกโปรแกรมซึ่งอาจเกิดความผลิดพลาดได้ และ 2. การใส่งานเข้าไปในเครื่องจักร ความผิดพลาดในการตรวจสอบมุมตัดของถาดใส่ชิ้นงาน แนวทางในการแก้ไขปัญหา ใช้บาร์โค้ดในการเลือกโปรแกรมโดยการสแกนจากใบงานไปเชื่อมโยงกับระบบของเครื่องตรวจสอบขางาน และการจัดทำเครื่องป้องกันการใส่ถาดผิดทิศทาง โดยอาศัยลักษณะขอบถาดที่มีหัวท้ายที่แตกต่างกัน
ประโยชน์ที่ได้จากการปรับปรุง คือ โรงงานตัวอย่างได้แนวทางของกระบวนการผลิตที่สามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อคุณภาพ และมิให้ของเสียเกิดซ้ำอีก ผลการดำเนินการแก้ไข พบว่า 1. กระบวนการทำงานซ้ำได้ ลดลง 50% จาก 20 กรณีต่อเดือน เหลือ 10 กรณีต่อเดือน 2. ลดเวลาของการทำงาน 25% จาก 2 ชั่วโมงต่อชุด เหลือ 1.5 ชั่วโมงต่อชุด 3. ของเสียลดลง 50% จาก 2,6000 ppm เหลือ 1,300 ppm 4. ยอดการผลิตชิ้นงานเพิ่มขึ้น 25% จาก 1,500 ชิ้นต่อโมง เป็น 1,875 ชิ้น ชิ้นต่อชั่วโมง
|
ผู้แต่ง |
|
ประเภทสิ่งพิมพ์ |
|
ปีที่พิมพ์ |
1 |
เลขหน้า |
101 หน้า |
หัวเรื่อง |
|
หัวเรื่อง |
|
หัวเรื่อง |
|
เอกสารฉบับเต็ม |
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250