fieldjournalid
![]() | สารนิพนธ์ (EEM) 2018 |
1. | การศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์แผ่นใยขัดทำความสะอาดในครัว : กรณีศึกษา บริษัท 3M ประเทศไทย จำกัด [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ธัชพล ศิริบุญมา | ||
การศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ แผ่นใยขัดทำความสะอาดในครัว
กรณีศึกษา บริษัท 3M ประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการเลือกใช้กลยุทธ์ที่มีผล
ต่อผลิตภัณฑ์สินค้า และ เพื่อให้ได้แนวทางการพัฒนากลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของ
ผลิตภัณฑ์สินค้าในครัวเรือน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จากการศึกษาข้อมูล
ทุติยภูมิ (Primary Data) โดยการเก็บข้อมูลในรูปแบบใบสอบถามของเรื่อง ประสิทธิภาพและ
ราคา ของสินค้าแผ่นใยขัดหกเหลี่ยมพลังเทอร์โบ ควบคู่การทดลองใช้สินค้า (Simulate & Consumer
Test) รวมทั้งทดลองการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและการทดสอบตลาด (Market Testing)
แล้วนำมาวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ในส่วนข้อมูลปฐมภูมิ (Secondary Data)
ผลของการศึกษาพบว่า กลยุทธ์ระดับองค์กร (Corporate Strategy) ที่เหมาะสมคือ
กลยุทธ์การเจริญเติบโตแบบเข้มข้น เนื่องด้วยธุรกิจแผ่นใยขัดทำความสะอาด เป็นธุรกิจที่มี
กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันในความต้องการของลูกค้า จึงควรเลือกใช้กลยุทธ์การพัฒนาตลาด
และกลยุทธ์การเจาะตลาด ให้สอดคล้องกับองค์กรและแบรนด์สินค้า ที่ได้โชว์จุดแข็งด้าน
เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่กัน สำหรับกลยุทธ์ระดับธุรกิจ (Business Strategy)
ที่ควรเลือกใช้คือ กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy) ที่ประกอบด้วย
การสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ที่ได้นำเอานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี ด้านมาตรฐาน
การผลิตที่มีคุณภาพ ด้านรูปร่าง และด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์
สำหรับความคาดหวังในสิ่งที่บริษัทต้องการเพิ่มยอดขายนั้น บริษัทฯต้องมีการรุก
การตลาดและความชัดเจนของกลยุทธ์มากขึ้น ในขณะเดียวกันการนำกลยุทธ์การตลาดที่
แตกต่าง จึงจะต้องมีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา รวมถึงส่
Full Text : Download! |
||
2. | การศึกษาแรงจูงใจภายในและภายนอกที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การทำงานของพนักงาน Gen Y [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : สุขวิทย์ บุญสุข | ||
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อทราบถึงแรงจูงใจภายในและภายนอกที่มีอิทธิพลต่อ
ผลสัมฤทธิ์การทำงานของพนักงาน Gen Y กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือประชากรใน
การศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานในกลุ่ม Gen Y ซึ่งเกิดในช่วง พ.ศ. 2523-2537 ปัจจุบันอายุ
ระหว่าง 25-39 ปี จำนวน 385 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์
ถดถอยแบบพหุคูณ และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ F-test
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
สถานะภาพโสด ระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รายได้ต่อเดือนอยู่ที่
15,000-30,000 บาท
จากการศึกษาผลการวิเคราะห์ลักษณะแรงจูงใจภายในและภายนอก พบว่าแรงจูงใจที่
มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ
การทำงานของพนักงาน Gen Y ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของแรงจูงใจภายนอก
ซึ่งแรงจูงใจภายนอกที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การทำงานของพนักงาน Gen Y มี 3 ด้าน คือ
ด้านลักษณะงาน ด้านเพื่อนร่วมงาน และด้านเงินเดือนและสวัสดิการตามลำดับ โดยมีระดับ
นัยสำคัญที่ 0.05
Full Text : Download! |
||
3. | การศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้ออาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัขและแมว ในเขตกรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เพ็ญนภา ตังจิว | ||
การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
ที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้ออาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัขและแมว ในเขตกรุงเทพมหานคร
เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน โดยใช้สถิติการแจกแจงความถ ี่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Independent T-test, สถิติ One way ANOVA และการวิเคราะห์การถดถอย แบบพหุคูณ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอาย ุ
ระหว่าง 20-29 ป ีสถานภาพโสด และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 30,000 บาท นิยมให้อาหารสัตว์เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปแบบเม็ด โดยส่วนใหญ่ซื้อที่ร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Shop) มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งอยู่ที่ 501-1,000 บาท และความถี่ในการซื้อ คือ เดือนละ 1-2 ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับกระบวนการตัดสินใจซื้ออาหาร
สำเร็จรูปสำหรับสุนัขและแมว พบว่า เพศ อาย ุสถานภาพ และรายได ้ที่แตกต่างกัน ไม่มีผลต่อ
กระบวนการตัดสินใจซื้อ และผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ม ี
ผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้ออาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัขและแมว พบว่า ปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาดที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อได้แก ่ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ (Product) และปัจจัยด้าน การส่งเสริมการตลาด (Promotion) ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05
Full Text : Download! |
||
4. | ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรของผู้บริโภควัย 25ปีขึ้นไป ในย่านธุรกิจเยาวราช กรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : สมชาย คำรัตน์ | ||
วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยและพฤติกรรมของผู้บริโภค
ที่มีผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพจากผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของผู้บริโภควัย 25 ปีขึ้นไป
ในย่านธุรกิจเยาวราช กรุงเทพมหานคร จำนวน 400 ราย โดยใช้แบบสอบถามแบบปิด วิเคราะห์
ข้อมูลทางสถิติด้วย ค่าร้อยละ ค่าความถี่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความ
แปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ใช้นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุอยู่ในช่วงระหว่าง 25-35 ปี
สถานภาพโสด มีการศึกษาระดับปริญญาตร ีเป็นพนักงานบริษัท และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่
ในช่วง 9,000-20,000 บาท ความถี่ในการซื้อ 1 เดือนต่อครั้ง ค่าใช้จ่าย 501-1,000 บาทต่อครั้ง รับทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์จากญาติ/เพื่อน ได้รับอิทธิพลในการตัดสินใจจาก แพทย์/เภสัชกร ม ีเหตุผลเพื่อบำรุงสุขภาพ หวังผลต่อสุขภาพที่ระบบหัวใจและปอด มีการใช้ครั้งแรกจากการ
แนะนำของญาต ิและสถานที่ซื้อผลิตภัณฑ์คือร้านขายยา
ผลการวิจัยปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด พบว่าด้านราคามีผลต่อการเลือกซื้ออยู่ใน
ระดับมาก ควรต่อรองราคาได้ด้านผลิตภัณฑ์มีผลในระดับมาก ควรมีหลากหลายรสชาติด้าน
ช่องทางจัดจำหน่ายมีผลปานกลาง ต้องการเวลาปิดเปิดที่สนองความต้องการ ด้านการส่งเสริม
การตลาดมีผลระดับปานกลาง เน้นสินค้าตัวอย่างฟรีให้ทดลองใช ้ส่วนความเห็นที่มีต่อผลิตภัณฑ์
อยู่ในระดับมาก เห็นด้วยว่าผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพสมุนไพรได้รับความนิยมสูง ผลการทดสอบ
สมมุติฐานพบว่าความแตกต่างของประชากรศาสตร์ด้านอาย ุการศึกษา สถานภาพ อาชีพ และ
รายได ้มีการเลือกซื้อจากปัจจัยการตลาดที่ไม่แตกต่างกัน แต่พบมีความแตกต่างในส่วนของ
เพศ ต่อการส่งเสริ
Full Text : Download! |
||
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250