fieldjournalid
![]() | งานวิจัย คณะบริหารธุรกิจ 2017 |
1. | รายงานการวิจัย การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการของญี่ปุ่นสู่บริษัทไทย กรณีศึกษาบริษัทอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทย [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : บุญชู ตันติรัตนสุนทร | ||
นโยบายการลงทุนของญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทยเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามโครงสร้างของการแข่งขันของโลกและภูมิภาคนี้ แต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนไทยไม่มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรญี่ปุ่นแต่อย่างไร (ต่างจากบริษัทลูกในอเมริกาและยุโรป) การวิจัยเกิดขึ้นเพื่อสารวจนโยบายของบริษัทแม่ในญี่ปุ่นซึ่งกาลังเปลี่ยนแปลง และศึกษาปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความไว้วางใจและโอกาสให้เกิดขึ้น สิ่งที่คนไทยถูกควาดหวังคืออะไร คนไทยควรมีศักยภาพและความพร้อมแค่ไหนระดับใด คนไทยต้องเรียนรู้อะไรบ้างที่จะทำให้บริษัทแม่เปิดโอกาสให้ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงหรือทดแทนการส่งคนญี่ปุ่นมาประจำ ตลอดจนส่งคนไทยไปแทนคนญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้ได้อย่างไร
ตลอดระยเวลา40ปี ประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดและเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตโดยตรงจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะด้วยการส่งคนไทยไปฝึกงานหรือส่งคนญี่ปุ่นมาไทย หากทว่า องค์ความรู้หรือความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการญี่ปุ่นกลับไม่ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ หรือเพียงนำเฉพาะในส่วนที่เอื้ออำนวยให้วิสาหกิจลูกในประเทศไทยทำหน้าที่เป็นเพียงฐานการผลิตเท่านั้น คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางธุรกิจ ไม่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานมากไปว่าปฏิบัติงานเท่าที่ถูกสั่งให้ทาจากผู้บริหารญี่ปุ่น กล่าวคือ ประทศไทยไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางทรัพยากรบุคคลได้จากการลงทุนของญี่ปนในระยะเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างไร
แต่ทว่าในยุคไทยแลนด์ 4.0 เพื่อที่จะดึงญี่ปุ่นให้เป็นหุ้นส่วนขยายการลงทุนในภูมิภาคนี้ บทบาทของบริษัทลูกในประเทศไทยจะมีความสำคัญยิ่งขึ้น (โดยรูปธรรม หมายถึงทรัพยากรบุคคลที่เข้าใจในองค์ความรู้การบริหารแบบญี่ปุ่นและสื่อสารกับบริษัทแม่ได้ และได้การยอมรับและไว้วางจากบริษัทแม่ในญี่ปุ่น) ซึ่งงานวิจ
Full Text : Download! |
||
2. | รายงานการวิจัย อิทธิพลของภาวะผู้นำความสำเร็จ และการบริหารทรัพยากร มนุษย์แบบญี่ปุ่นต่อความผูกพันของบุคลากร กรณีศึกษาบริษัทข้ามชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : บุญญาดา นาสมบูรณ์, บุญชู ตันติรัตนสุนทร | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลและทดสอบความสอดคล้องของตัว
แบบจำลองเชิงสาเหตุระหว่างภาวะผู้นำความสาเร็จ การบริหารทรัพยากรมนุษย์แบบญี่ปุ่นที่มี
อิทธิพลต่อความผูกพันของบุคลากรกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ขององค์กรข้ามชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย
ผู้วิจัยทำการวิจัยแบบผสมวิธี การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการสัมภาษณ์เจาะลึกโดยใช้การ
ลดทอนข้อมูล และการสรุปอุปนัย ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณเป็นการวิจัยเชิงประจักษ์ ใช้
แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ เก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคลากร จำนวน 848 คน สถิติที่ใช้ในการ
วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์
องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์ตัวแบบสมการโครงสร้าง
ผลการวิจัยพบว่า แบบจำลองสมการโครงสร้างมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์อยู่
ในเกณฑ์ดี โดยมีค่า x2 = 1005.197 ที่องศาอิสระ(df) =245 ค่าไคสแควร์สัมพันธ์ (CMIN/df) เท่ากับ
4.103 ค่าความน่าจะเป็น (Probability level=p value) =0.000 ดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) =
.907 ดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้ (AGFI) =.886 ดัชนีวัดความกลมกลืนเปรียบเทียบ
(CFI) =.964 ดัชนีวัดความสอดคล้องอิงเกณฑ์ (NFI) =.953 ค่าดัชนีรากที่สองของกำลังสองเฉลี่ย
ของส่วนที่เหลือ (RMR) = .019 ค่ารากของค่าเฉลี่ยกำลังสองของความคลาดเคลื่อนโดยประมาณ
(RMSEA) = .061
นอกจากนี้ยังพบว่า ภาวะผู้นำความสำเร็จมีอิทธิพลทางตรงต่อความผูกพันของบุคลากร
และยังพบว่า ภาวะผู้นำความสาเร็จมีอิทธิพลทางตรง และมีอิทธิพลทางอ้อมภายใต้การบริหารงาน
ทรัพยากรมนุษย์แบบญี่ปุ่นต่อความผูกพันของบุคลากร
Full Text : Download! |
||
3. | รายงานวิจัย อิทธิพลของการใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริหารอุตสาหกรรมการผลิตบนพื้นที่ตั้งแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เฉลิมขวัญ ครุธบุญยงค์ | ||
การวิจัยเรื่องอิทธิพลของการใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริหารอุตสาหกรรมการผลิตบนพื้นที่ตั้งแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและประสิทธิผลในการดำเนินงานของอุตสาหกรรมการผลิตบนพื้นที่ตั้งแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และศึกษาผลกระทบของการใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินต่อความสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและประสิทธิผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมการผลิตบนพื้นที่ตั้งแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) การเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตบนพื้นที่ตั้งแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จานวน 382 แห่ง ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจผลิตอีเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า มีระยะเวลาการดำเนินงานอยู่ระหว่าง 6 ถึง 10 ปี มีการจัดทำระบบบัญชีโดยจ้างสำนักงานบัญชี มีแหล่งเงินทุนเริ่มแรกมาจากหุ้นส่วน มีความต้องการกู้ยืมเงินแต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้าประกัน มีการใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินและประสิทธิผลอยู่ในระดับค่อนข้างมาก การใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินส่งผลกระทบเชิงบวกต่อประสิทธิผล ลักษณะทางโครงสร้างธุรกิจด้านการจัดทาระบบทางบัญชีต่างกันมีการใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงินต่างกัน
Full Text : Download! |
||
4. | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการโฮมสเตย์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : พีรยา เศรษฐพัฒน์ | ||
รายงานการวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการโฮมสเตย์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกโฮมสเตย์ของชาวต่างชาติในด้านส่วนปะสมการตลาดบริการทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บริการ การกำหนดราคาบริการ การกระจายบริการ การส่งเสริมการตลาด พนักงานบริการ สภาพแวดล้อมในการให้บริการและกระบวนการให้บริการ รวมไปถึงคุณภาพการให้บริการของโฮมสเตย์ด้วย เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณนั้นได้ใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 388 คนที่เลือกพักที่โฮมสเตย์ในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างได้รับการคัดเลือกโดยไม่ต้องสุ่มตัวอย่างใด ๆ เป็น 'การสุ่มตัวแบบบังเอิญ' แบบสอบถามโดยใช้วิธี Likert แบบ 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In – depth Interview) ได้แก่ ผู้ประกอบการโฮมสเตย์จำนวน 2 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 4 คน
ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง สถานภาพโสด มาจากทวีปเอเชีย มีอายุระหว่าง 21 – 30 ปี กำลังศึกษาหรือจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่ 2,001 – 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกพักโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ริมคลองหรือแม่น้า เป็นการเดินทางมาในรูปแบบทริปครอบครัว โดยมีระยะเวลาในการพักประมาณ 2 คืนขึ้นไป และได้ทำการจองล่วงหน้า
ก่อนการเดินทางมาพัก ราคาคือ เหตุผลหลักที่ใช้ในการเลือกโฮมสเตย์ และรู้จักโฮมสเตย์จากสื่อออนไลน์
ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการโฮมสเตย์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยดูจากปัจจัยที่มีผลต่อระดับความพึงพอใจขอ
Full Text : Download! |
||
5. | The Factors Effecting International Tourist Perspective on Destination Satisfaction : The Case of Japanese and Korean Tourists Visiting in Thailand [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : WANIDA WADEECHAROEN | ||
Thailand destination image and national stability confidence become an important
factor determining leisure destination for international tourists. Hence, in 2015
Tourism Authority of Thailand has launches ‘Discovery Thainess’ campaign to
enrich Thailand brand image brcome a quality leisure destination in globally. The
aim of the study focus on Japanese and Korean tourists. The results of the study
shows that 71 % of Korean tourists were female, single and age average between
21-40 years. 70 % of Korean tourists discover Thainess favorite experience on
Thai Traditional message/Thai spa while they perceived of Thailand brand image
in Thainess perspective only 6%. 65% of Japanese tourists were male and age
average between 41-60 years. 30% of them have been travel to Thailand over 10
times. The finding shows that shopping and tourist attractions, Thai cuisine
(food), environment and safety, and transportation facilities have positively
related to destination satisfaction for two groups (Japanese and Korean). Lodging
and restaurant facilities is significantly in Korean tourist while insignificantly in
Japanese tourists
Bangkok city is the popular tourist destination recognized by international tourists
around the world. More than 18 million international tourists have visiting
Bangkok annually. Despite, international tourists understand Bangkok a capital of
Thailand in holistic view as well as “The Land of Amazing”. Most of the
international tourists view Thail
Full Text : Download! |
||
6. | Trend of Japanese Manufacturing Investment Inflows Towards Asian Economic Community (AEC). A Case Study of Thaialnd Investment Position and ITS Location Advantage [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : WANIDA WADEECHAROEN | ||
The role and benefit of foreign direct investment (FDI) has brought a national
prosperity and suitability into a recipient developing countries through foreign
investment inflows, enhance local government revenue, generated national employment
and income to local people lead to improved national domestic product (GDP). An
increase of FDI inflows to Thailand were contributed by Japanese business network.
Thus, no wonder, Japanese MSMEs (Micro, Small and Medium Enterprises) make
strengthen of Thailand production networks, especially in Thailand automobile and
electronics industry. As of this manifest, research sampling of the study were selected
from upstream to downstream line in Thailand supply chain system.
The study examines of Thailand investment position at macro evaluation by
using documentary analysis, as the data record by Bank of Thailand (BOT), Board of
Investment (BOI), Thailand, World Economic Forum etc. The attractiveness countries
in ASEAN region were examines through the lens of Japanese investors (headquarter in
Tokyo, Japan and twelve subsidiaries in Thailand), Business Advisor by The Japan
External Trade Organization (JETRO) and Commercial Attaché, Japan Embassy in
Thailand. The study is scope on the overview of Japanese investment trend towards
ASEAN countries in general and Thailand in particular. The content of the interview
data is back up by theoretical approach. The results of the study indicated that Thailand
location still the desira
Full Text : Download! |
||
7. | ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนความภักดีในการซื้อผลิตภัณฑ์ตราสินค้าเกาหลี [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : วิษณุ เพ็ชรไทย | ||
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาปัจจัยการซื้อสินค้าเกาหลีของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร และ 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์เกาหลีของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงทั้งหมด 400 คน การศึกษาในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Qualitative Method) ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือหลักในการเก็บข้อมูล ร่วมกับการใช้ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) ทบทวนวรรรกรรมที่เกี่ยวข้อง
ผลการศึกษาพบว่า จำนวนของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเป็นเพศชาย 200 คน และเพสหญิง 200 คน มาจากจำนวนประชากรทั้งหมด 1,870 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 16-22 ปี หรือเป็นกลุ่มมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ ปวช. ปวส. ถึงระดับนักศึกษาปริญญาตรี เป็นกลุ่มที่ยังไม่มีรายได้เพิ่งพารายได้จากผู้ปกครองเป็นหลักโดนเฉลี่ยต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน
ปัจจัยด้านศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ ศิลปิน (ดารา นักร้อง) และซีรีย์/ภาพยนตร์ สร้างความรับรู้แก่กลุ่มตัวอย่างได้ทางตรง สามารถเห็นสภาพความเป็นเกาหลีผ่านตัวละคร สภาพความเรียบร้อยของบ้านเมือง สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างจากของประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างเป็นวันที่ยังอยู่ในวัยรุ่น มีความสดใสตามวัยและมีความน่ารักอ่อนเยาว์ เมื่อเห็นสินค้าผ่านดาราหรือศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ จึงเกิดความต้องการที่จะเลียนแบบให้เหมือนดาราหรือศิลปินคนนั้นด้วย มีความเชื่อว่าหากทำตามแล้วจะน่ารักและสวย
กลยุทธ์สร้างความตระหนักและยอมรับถึงวัฒธรรมผ่านศิลปิน ดาราหรือนักร้อง จึงเป็นกระบวนการกล่อมเกล่าทางวัฒนธรรมเก่หลีให้กลุ่มตัวอย่างยอมรับในทางที่ดี เมื่อยอมรับและรับเอาวัฒนธรรมเกาหลีไว้อย่างไม่มีไร้อคติย่อมสร้างกำลังซื้อและการยอมรับ ดังนั้นจึงกล่าวอ้างจากการศึกษาในข้อน
Full Text : Download! |
||
8. | รายงานการวิจัย การตอบสนองของผู้บริโภคที่มีต่อกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เมตตา องคะสุวรรณ, ภิญรดา แก้วเขียว, วุฒิ สุขเจริญ | ||
ปัจจุบันความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) ได้กลายเป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญขององค์กรขนาดใหญ่และหลายๆบริษัทยังคงมีแนวโน้มที่จะมีการใช้จ่ายในเรื่องของกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตอบสนองของผู้บริดภคในการจัดกิจกรรม CSR ของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย นักวิจัยทำการสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 406 ชุดผ่านแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นและความเที่ยงตรง และใช้เทคนิคการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยงานวิจัยในครั้งนี้พบว่า ผู้บริโภคให้การตอบสนองทั้งในด้านของการจดจำตราสินค้า การเกิดเจตนาซื้อ และการมีภาพลักษณ์ที่ดี ต่อกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กิจกรรมส่งเสริมการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และการบริจาคเพื่อการกุศล ในทางกลับกันผู้บริโภคไม่ให้การตอบสนองต่อกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งในแง่ของการจดจำตราสินค้า การเกิดเจตนาซื้อ และการมีภาพลักษณ์ที่ดี
Full Text : Download! |
||
9. | ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุชาวไทย [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : มิรา เสงี่ยมงาม | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของส่วนประสมการตลาดบริการที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุชาวไทย ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ สุ่มตัวอย่างโดยใช้ การส่มแบบหลายขั้นตอน โดยมี กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ นักท่องเที่ยวสูงอายุชาวไทย กลุ่ม Active aging (กลุ่มที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้) อายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม การสนทนากลุ่ม สำหรับสถิตที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความถอถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ปัจจัยด้านการสื่อสารการตลาด ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์และบริการ และปัจจัยด้านราคา ค่าใช้จ่าย สามารถร่วมกันพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุชาวไทยได้ร้อยละ 46.9 (adjusted R2 = .469) โดยที่ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทาทงกายภาพ ปัจจัยด้านการสื่อสารการตลาด ปัจจัยด้านผลิภัณฑ์และบริการ และปัจจัยด้านราคา ค่าใช้จ่าย มีสัมประสิทธิ์ถอถอยพหุคูณของตัวแปรพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบเท่ากับ .291 .107 .144 .078 ตามลำดับและค่าสัมประสิทธิ์ถอถอยพหุคูณของตัวแปรพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐานเท่ากับ .415 .171 .157 .106 ตามลำดับ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ซึ่ง สามารถสร้างเป็นสมการพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุชาวไทยในรูปแบบคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานตามลำดับได้ดังนี้
Y = 1.572+.291 (สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ) + .107(การสื่อสารการตลาด) +.144(ผลิตภัณฑ์และบริการ)+ .078(ราคา ค่าใช้จ่าย)
ŷ = .415(สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ) +.171(การสื่อสารการตลาด) + .157(ผลิตภัณฑ์และบริการ)+ .106(ราคา ค่าใช้จ่าย)
Full Text : Download! |
||
10. | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ การศึกษาสถานะของบริษัทมหาชน จำกัด ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ถือหุ้นโดยบริษัทญี่ปุ่น [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : น้ำพร สถิรกุล, วสันต์ จันทร์สัจจา | ||
รายงานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานะของกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลุ่มบริษัทญี่ปุ่นฯ) โดยวิเคราะห์ข้อมูลรวบรวมจาก ข้อมูลสารสนเทศ ผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน การจ่ายเงินปันผล มูลค่าซื้อ-ขาย และราคาตลาด จากตลาดหลักทรัพย์ฯโดยใช้เครื่องมือ SETSMART (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤศจิกายน 2562) กลุ่มบริษัทญี่ปุ่นในตลาดหลักทรัพย์ประกอบด้วย 18 บริษัท มีมูลค่าตลาด 449,872.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.67 ของมูลค่าตลาดรวมโดยมีสัดส่วนมูลค่าตลาดส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมการเงิน (ร้อยละ 64) และ อุตสาหกรรมยานยนต์ (ร้อยละ 8) กลุ่มบริษัทญี่ปุ่นฯ ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 20ปี มีฐานลูกค้าและตลาดเฉพาะ ซึ่งสนับสนุนให้มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนทุน (ROE) โดยเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และมีอัตราหนี้สินต่อส่วนทุน (D/E Ratio) โดยเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด โดยผู้วิจันให้นิยามเป็น cash cow companies หุ้นของบริษัทในกลุ่มญี่ปุ่น มีผลตอบแทนของเงินปันผล (Dividend Yield) โดยเฉลี่ยสูงกว่าตลาดมีค่าเบต้าโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 แสดงว่ามีความผันผวนของราคาน้อยกว่าตลาด และมีราคาตลาดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ต่ำเมื่อเทียบกับตลาด และมีปริมาณการซื้อขายน้อย ผู้วิจัยให้นิยามเป็น Income Stock ซึ่งสามารถเป็นหุ้นทางเลือกของนักเลงทุนระยะยาวที่ประสงค์กระจายความเสี่ยง ต้องการเงินปันผลสม่ำเสมอและความผันผวนของราคาอยู่ในระดับต่ำ
Full Text : Download! |
||
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250