fieldjournalid
![]() | สารนิพนธ์ (MBJ) 2019 |
1. | การศึกษาแผนธุรกิจน้ำนมงา [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ตวิษา หิรัณยากร | ||
ในการจัดทำแผนธุรกิจ “น้ำนมงา” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการดำเนินธุรกิจ
น้ำนมงา การวิเคราะห์สภาวะตลาด แนวโน้มการแข่งขันทางธุรกิจน้ำนมงา และค้นหาความ
เป็นไปได้ในการทำธุรกิจน้ำนมงาในประเทศไทย ด้วยการวิเคราะห์เชิงลึกรอบด้าน ทั้งจุดแข็ง
จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคของธุรกิจ โดยพบว่า จุดแข็งของบริษัทอยู่ที่องค์กรขนาดเล็ก ทำให้
สามารถควบคุมผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดี ในราคาที่เหมาะสม ด้วยบริการส่งตรงถึงมือลูกค้า
ซึ่งจุดอ่อนเกิดจากผลิตภัณฑ์ยังไม่มีความหลากหลาย สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย และการ
ขาดความเชื่อมัน่ ของบุคลากร เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งสังเกตได้ว่า คู่แข่งทางตรงมีเพียงเจ้า
เดียวเท่านั้น ในขณะที่คู่แข่งทางอ้อมมีจำนวนมากในตลาด จึงทำการศึกษาความได้เปรียบใน
การแข่งขันที่จะนำไปสู่การสร้างกลยุทธ์ในการบริหารจัดการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ รวมถึง
การวิเคราะห์ความเสี่ยงในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ เพื่อทำการ
วางแผนล่วงหน้า เตรียมพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การลงทุนในธุรกิจน้ำนมงาสามารถเป็นไปได้จริง เพียงแต่
ไม่สามารถตอบสนองเป้าหมายทางการเงินของบริษัท ที่ต้องการให้มีระยะเวลาคืนทุนภายใน 3
ปีได้ เนื่องจากกรณีปกติธุรกิจมีระยะคืนทุนเท่ากับ 3.79 ปี โดยความน่าสนใจอยู่ที่มูลค่าปจั จุบัน
(NPV) ซึ่งเป็นบวก หรือเท่ากับ 768,561.10 บาท เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทน (IRR) ซึ่งอยู่ที่
ร้อยละ 21 หากพิจารณาจึงมีความเหมาะสมและน่าลงทุนในระยะยาว
Full Text : Download! |
||
2. | อิทธิพลที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของธุรกิจค้าปลีกญี่ปุ่นที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย กรณีศึกษา ดองกิ มอลล์ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ศุภกร สมจิตต์ | ||
การวิจัยเรื่องอิทธิพลที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของธุรกิจค้าปลีกญี่ปุ่นที่เข้ามา
เปิดตลาดในประเทศไทย กรณีศึกษา ดองกิ มอลล์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลที่ส่งผลต่อ
การตัดสินใจซื้อสินค้าของธุรกิจค้าปลีกญี่ปุ่นที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยของห้างสรรพสินค้า
ดองกิ มอลล์ การศึกษาครัง้ นี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีการสำรวจจากแบบสอบถามกับ
กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้า ดองกิ มอลล์ จำนวน 340 คน ซึ่ง
จากการนำแบบสอบถามจำนวน 340 ชุด มาตรวจสอบความถูกต้องของแบบสอบถามพบว่ามี
จำนวน 312 ชุด ที่ผ่านการตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วน
ใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 21-30 ปี มีการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงาน
บริษัทเอกชน/รับจ้าง มีรายได้ต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมการมา
ใช้บริการพบว่า ความถี่ในการมาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้า 1 ครัง้ ต่อเดือน ส่วนใหญ่เข้ามาใช้
บริการในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงบ่าย (เวลา 12:00-17:59) มีการใช้จ่าย 1,000-2,000 บาท
ต่อครัง้ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าคือตัวผู้ตอบแบบสอบถาม สินค้าอุปโภคที่
เลือกซื้อประจำคืออุปกรณ์/สงิ่ ของเครื่องใช้ เช่น เครื่องครัว เครื่องเขียนเครื่องใช้ไฟฟ้า ในส่วน
ของกลุ่มสินค้าบริโภคที่เลือกซื้อประจำส่วนใหญ่คืออาหารและเครื่องดื่ม ด้านการทดสอบสมมติฐาน
จากสมการเชิงโครงสร้าง พบว่า ส่วนประสมทางการตลาดมีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อ
สินค้า ส่วนประสมทางการตลาดมีอิทธิพลเชิงบวกต่อทัศนคติในการตัดสินใจซื้อสินค้า ภาพลักษณ์องค์กรมีอิทธิพลเชิงบวก
Full Text : Download! |
||
3. | อิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียงและการรับรู้โฆษณาแฝงผ่านการตระหนักรู้ตราสินค้าที่ส่งผลต่อความตั้งใจซื้อรถจักรยานยนต์ของผู้ชมซีรีส์ออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : สิริกร เสือเหลือง | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาอิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียง และการรับรู้โฆษณาแฝงที่มีผลต่อความตั้งใจซื้อผ่านการตระหนักรู้ตราสินค้าของผู้รับชมซีรีส์ออนไลน์ และ (2) เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียง และการรับรู้โฆษณาแฝงที่มีผลต่อการตระหนักรู้ตราสินค้า และความตั้งใจซื้อของผู้รับชมซีรีส์ออนไลน์ การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีการสำรวจจากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์รับชมซีรีส์ผ่านช่องทางวิดีโอออนไลน์ อายุ 18 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 348 คน วิเคราะห์ด้วยข้อมูลสถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้โปรแกรม SPSS และการวิเคราะห์ตัวแปรแบบสมการเชิงโครงสร้างโดยโปรแกรม Smart PLS 3.0
ผลการทดสอบสมมติฐานจากสมการเชิงโครงสร้างพบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์อยู่ในเกณฑ์ดี อิทธิพลของผู้มีชื่อเสียงมีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อ การรับรู้โฆษณาแฝงมีอิทธิพลต่อการตระหนักรู้ตราสินค้าและความตั้งใจซื้อ การตระหนักรู้ตราสินค้ามีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อ โดยที่อิทธิพลของผู้มีชื่อเสียงไม่มีมีอิทธิพลต่อการตระหนักรู้ตราสินค้า อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01
Full Text : Download! |
||
4. | การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการของลูกค้าธุรกิจคลินิกเสริมความงาม [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ฤติมา ฮึงรักษา | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ
คลินิกเสริมความงามในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่
มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการคลินิกเสริมความงามในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการแจก
แบบสอบถามให้แก่กลุ่มผู้ใช้บริการของลูกค้าธุรกิจคลินิกเสริมความงามในเขตกรุงเทพมหานคร
ทั้งหมดจำนวน 400 ชุด
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนมากเป็นเพศหญิง ช่วงอายุ 21-30 ปี ประกอบ
อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน สถานภาพโสด ระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีรายได้
10,001-25,000 บาท เลือกใช้บริการคลินิกเสริมความงามเพื่อคงสภาพผิวพรรณให้ดีอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องของการรักษาสิวมากที่สุด
ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการธุรกิจคลินิกเสริม
ความงาม มีนัยสำคัญทางบวกกับการตัดสินใจเลือกใช้บริการคลินิกเสริมความงาม ทั้งด้าน
ผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายหรือสถานที่ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้าน
กระบวนการ ด้านบุคลากร ด้านสงิ่ นำเสนอทางกายภาพ ผู้ใช้บริการเห็นด้วยที่สุดว่าผลิตภัณฑ์
และการบริการต้องมีคุณภาพ คลินิกเสริมความงามต้องแจ้งราคาค่ารักษาก่อนใช้บริการ คลินิกที่
ให้บริการต้องมีความสะอาดและปลอดภัย ต้องมีการรับประกันความพึงพอใจในการรักษา ต้อง
แจ้งรายละเอียดอย่างครบครันก่อนเข้ารับการรักษา แพทย์ที่รักษาต้องมีความรู้ ประสบการณ์
และความเชี่ยวชาญในการรักษา และสถานที่ให้บริการต้องสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
Full Text : Download! |
||
5. | ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องจักรกลมือสองของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย : กรณีศึกษา บริษัท ABC จำกัด [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ประสิทธิ์ สุนทรวาณิชย์กิจ | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลธุรกิจของกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม
ในประเทศไทยที่มาซื้อเครื่องจักรกลมือสองจากบริษัท ABC จำกัด 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการ
ซื้อของกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่มาซื้อเครื่องจักรกลมือสองจากบริษัท
ABC จำกัด และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ
เครื่องจักรกลมือสองของกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่มาซื้อเครื่องจักรกลมือ
สองจากบริษัท ABC จำกัด ผู้วิจัยได้กำหนด การศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยพฤติกรรมการซื้อของ
ธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ด้านวัตถุประสงค์ ด้านระดับราคาเฉลี่ยเครื่องจักรกลมือสองที่ซื้อในแต่ละครัง้
และด้านปริมาณในการซื้อในแต่ละครั้ง และกำหนดการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาดบริการทัง้ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจำหน่าย ด้านการ
ส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้านกระบวนการ และ ด้านสงิ่ แวดล้อมทางกายภาพ จากกลุ่ม
ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย จำนวน 92 บริษัท วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา
เพื่อแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานโดย
การวิเคราะห์สมการถดถอยอย่างง่าย
ผลการศึกษา พบว่า ประเทศผู้ผลิตเครื่องจักรกลมือสองที่กลุ่มตัวอย่างต้องการซื้อ คือ
ประเทศญี่ปุ่น ด้านวัตถุประสงค์ในการซื้อเครื่องจักรกลมือสอง ซื้อเพื่อทดแทน/เปลี่ยนสภาพ
เครื่องจักรเดิม อายุการใช้งานเครื่องจักรกลมือสองที่ต้องการ คือ มากกว่า 5 ปี โดยประเภท
สินค้าที่ซื้อมากที่สุด คือ เครื่องกลึง ระดับราคาที่ซื้อในแต่ละครั้งอยู่ที่ 500,000-800,000 บาท
ด้านปริมาณในการซื้อเครื่องจักรมือสอง ซื้อต่ำกว่า 3 เครื่องต่อครั้ง การตัดสินใจซื้อส่วนใหญ่จ
Full Text : Download! |
||
6. | ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าในงานของพนักงาน กรณีศึกษา องค์กรญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ภรภัทร ประทีปพรศักดิ์ | ||
การศึกษาครัง้ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะส่วน
บุคคลที่มีต่อความพึงพอใจในงาน 2) เปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะส่วนบุคคลที่มีต่อ
ความมุ่งมัน่ ปรารถนาอย่างแรงกล้าในงานของพนักงาน 3) ศึกษาความพึงพอใจในงานที่ส่งผล
ต่อความมุ่งมัน่ ปรารถนาอย่างแรงกล้าในงานของพนักงาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครัง้ นี้ คือ
พนักงานในองค์กรญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง มีจำนวนทั้งสิ้น 180 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ
สถิติที่ใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ การทดสอบความแตกต่าง 2 กลุ่มตัวอย่าง
(Independent Sample T-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis of
Variance : ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ (Multiple Linear Regression)
ผลการศึกษาเปรียบเทียบพบว่า 1) ลักษณะส่วนบุคคลด้านอายุ อายุงาน รายได้ และ
ตำแหน่งงานมีผลต่อความพึงพอใจในงานแตกต่างกัน 2) ลักษณะส่วนบุคคลด้านอายุ อายุงาน
รายได้ และตำแหน่งงานมีผลต่อความมุ่งมัน่ ปรารถนาอย่างแรงกล้าในงานของพนักงานแตกต่างกัน
และยังพบว่า 3) ตัวแปรความพึงพอใจในงานด้านลักษณะงาน ด้านค่าตอบแทนและ
สวัสดิการ และด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานส่งผลต่อความมุ่งมัน่ ปรารถนาอย่างแรงกล้า
ในงานของพนักงาน มีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเชิงพหุของตัวแปร (B) = 0.358, 0.348 และ
0.181 ตามลำดับ และมีค่าคงที่ของสมการพยากรณ์ในรูปของคะแนนดิบ (a) = 0.935 โดยนำมา
สร้างสมการพยากรณ์ได้ดังนี้ Y = 0.935 + 0.310(X1) + 0.258 (X5) + 0.174 (X3) โดยตัวแปร
ทัง้ หมดร่วมกันพยากรณ์ความมุ่งมัน่ ปรารถนาอย่างแรงกล้าในงานของพนักงานได้ร้อยละ 50.6
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
Full Text : Download! |
||
7. | ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการบริหารระบบการจัดการคุณภาพ : กรณีศึกษาระบบ ISO 9001:2015 [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ปุณยนุช จันทบุตร | ||
สารนิพนธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยการบริหารจัดการแบบ
POSDCoRB Model ในด้านการวางแผน การจัดองค์กร การสรรหาบุคคล การสั่การ การ
ประสานงาน การรายงาน และงบประมาณ ที่มีปัจจัยสู่ความสำเร็จในการบริหารระบบการจัดการ
คุณภาพ กรณีศึกษาระบบ ISO 9001:2015 ของพนักงานระดับผู้บริหาร และระดับปฏิบัติการใน
โรงงานกรณีศึกษา (2) เพื่อศึกษาปัจจัยความสำเร็จในการจัดการพิเศษของพนักงานระดับ
ผู้บริหาร และระดับปฏิบัติการตามระบบการจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 ที่มีผลต่อปัจจัยสู่
ความสำเร็จในการบริหารระบบการจัดการคุณภาพ กรณีศึกษาระบบ ISO 9001:2015 เป็น
การศึกษาในแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยกลุ่มตัวอย่างทีใช้ในการศึกษา
เป็นการใช้วิธีการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นพนักงานบริษัทใน
โรงงานผลิต นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีจำนวนพนักงานทั้งหมด
337 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม ดำเนินการ
วิเคราะห์ข้อมูลแบบสถิติพรรณนา (Descriptive statistics) ได้แก่ การแจงแจงความถี่
(Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard
Deviation) ตามเกณฑ์การแปรผลระดับความคิดเห็นค่าคะแนนเฉลี่ย
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่ว ไปพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง
31-40 ปี ได้รับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. พบจำนวนพนักงานแผนกผลิตมาก
ที่สุด ประสบการณ์การทำงาน 8 ปีขึ้นไป ได้รับการอบรมระบบการจัดการคุณภาพ ISO
9001:2015 มากที่สุดจำนวน 1 ครั้ง แบ่งเป็นระดับผู้บริหาร 10 คน และระดับผู้ปฏิบัติการ 327
คน จากภาพรวมสรุปได้ว่าพนักงานโรงงานกรณีศึกษาทั้งหมดมีความคิดเห็นความส
Full Text : Download! |
||
8. | ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นกับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เมธาพร โกนากัน | ||
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาส่วนประสมทางการตลาดในมุมมองของ
ผู้บริโภค 4C’s (Bob Lauterborn. 1990) ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นกับ
โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาปัจจัยด้านการสื่อสารการตลาดเชิง
บูรณาการ IMC ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นกับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขต
กรุงเทพมหานคร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ ผู้ที่กำลังศึกษาหรือเคยศึกษาภาษา
ญี่ปุ่นตามโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานครกลุ่มตัวอย่างมีจำนวนทั้งสิ้น 400 คน
โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิจัย สถิติที่ใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ค่าร้อยละ และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ (Multiple Linear Regression)
ผลการศึกษาตัวแปรส่วนประสมทางการตลาดในมุมมองผู้บริโภค 4C’s ที่ส่งผลต่อการ
ตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นกับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า 1)
ปัจจัยด้านความสะดวกในการซื้อ (X3) ปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสาร (X4) ปัจจัยด้านความเหมาะสม
ด้านราคา (X2) สามารถร่วมกันพยากรณ์การตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นกับโรงเรียนสอน
ภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานครได้ร้อยละ 45.50 (R2 = .455) ซึ่งสามารถสร้างเป็นสมการ
พยากรณ์การตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นกับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร
ในรูปแบบคะแนนดิบได้ดังนี้ Y1 = 1.306+.125(X2)+.262(X3)+.305(X4) และยังพบว่า 2) ผล
การศึกษาตัวแปรปัจจัยด้านการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการ IMC ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือก
เรียนภาษาญี่ปุ่นกับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในเขตกรุงเทพมหานครพบว่าพบว่าปัจจัยด้านการ
สื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการ ด้านการจัดตลาดทางตรง (X9) ด้านการโฆษณา (X5) ด้านการ
ส่งเสร
Full Text : Download! |
||
9. | ส่วนประสมการตลาดในมุมมองผู้บริโภคกับปัจจัยทางสังคมกลุ่มอ้างอิงส่งผลต่อการสนับสนุนตราสินค้าเครื่องสำอางสำหรับเด็กของผู้บริโภคเพศหญิงในกรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : กนต์รพี โรจนศาสตรา | ||
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความแตกต่างลักษณะประชากรศาสตร์
ของผู้บริโภคเพศหญิงในกรุงเทพมหานครที่มีต่อส่วนประสมการตลาดในมุมมองผู้บริโภค 4C’s
2) เปรียบเทียบความแตกต่างลักษณะประชากรศาสตร์ของผู้บริโภคเพศหญิงในกรุงเทพมหานคร
ที่มีต่อปัจจัยทางสังคมกลุ่มอ้างอิง 3) ศึกษาส่วนประสมการตลาดในมุมมองผู้บริโภค 4C’s และ
ปัจจัยทางสังคมกลุ่มอ้างอิงส่งผลต่อการสนับสนุนตราสินค้าเครื่องสำอางเด็กของผู้บริโภคเพศ
หญิงในกรุงเทพมหานคร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ ผู้บริโภคเพศหญิงที่อาศัยอยู่ใน
กรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างมีจำนวนทั้งสิ้น 437 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือใน
การศึกษาวิจัย สถิติที่ใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวน
ทางเดียว (One-way Analysis of Variance : ANOVA) การทดสอบความแตกต่าง 2 กลุ่มตัวอย่าง
(Independent Sample T-test) และ Multiple Linear Regression
ผลการศึกษาการเปรียบเทียบความแตกต่างลักษณะประชากรศาสตร์พบว่า 1) อายุ
ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนและจำนวนบุตรที่มีส่งผลต่อส่วนประสมการตลาดใน
มุมมองผู้บริโภค 4C’s แตกต่างกัน 2) ระดับการศึกษา อาชีพ ส่งผลต่อส่วนปัจจัยทางสังคมกลุ่ม
อ้างอิงแตกต่างกัน
และพบว่า 3) ผลการศึกษาตัวแปรส่วนประสมการตลาดในมุมมองผู้บริโภค 4C’s และ
ปัจจัยทางสังคมกลุ่มอ้างอิงส่งผลต่อการสนับสนุนตราสินค้าเครื่องสำอางสำหรับเด็ก พบว่า
ปัจจัยทางสังคมกลุ่มอ้างอิงด้านกลุ่มทุติยภูมิ ส่วนประสมการตลาดในมุมมองผู้บริโภค 4C’s
ต้นทุนของผู้บริโภค และการสื่อสาร มีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยเชิงพหุของตัวแปร (B) เท่ากับ
0.489, 0.161 และ 0.153 ตามลำดับ และมีค่าคงที่ของสมการพยากรณ์ในรูปแบบคะแนนดิบ (a)
Full Text : Download! |
||
10. | ปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินงานของอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เกตุนภัส จิรารุ่งชัยกุล | ||
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยองค์การและความสำเร็จของอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรีและ (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสภาพแวดล้อมองค์การและความสำเร็จของอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี ผู้วิจัยได้กำหนดการศึกษาปัจจัยองค์การ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านคน ด้านการเงิน ด้านวัสดุ ด้านการจัดการ ด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ และปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านเทคโนโลยี โดยข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นำมาจากการค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการ ผู้บริหารระดับสูง วิศวกรผู้ควบคุมการดำเนินงานของบริษัทก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่มีกำไรสุทธิในปี 2561 จำนวน 105 บริษัท เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณา เพื่อแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานโดยการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์เพียรสัน (Pearson Product Moment Correlation)
โดยผลการศึกษาวิจัยอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี บ่งชี้ว่า 1) ปัจจัยองค์การได้แก่ ด้านคน ด้านการเงิน ด้านวัสดุ ด้านการจัดการ ด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม ระดับสูงและทิศทางเดียวกัน โดยระดับความสัมพันธ์ของสัมประสิทธิ์สัมพันธ์ (r) เท่ากับ 0.712 2) ปัจจัยสภาพแวดล้อมองค์การ ได้แก่ ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านเทคโนโลยี มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม
Full Text : Download! |
||
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250