fieldjournalid
![]() | สารนิพนธ์ (MIM) 2018 |
1. | การลดความสูญเปล่าในกระบวนการพิมพ์ระบบ Offset : กรณีศึกษา โรงงานพิมพ์พลาสติก [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ชัยชนะ ประถมวงค์ | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการพิมพ์ระบบ
Offset และ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในส่วนของกระบวนการพิมพ์ในระบบ Offset โดยสะท้อน
ออกมาในรูปแบบของการลดระยะเวลาในการปรับเซ็ตเครื่องจักรที่เกิดขึ้นจากกระบวนการพิมพ์
ในระบบ Offset ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ทำการเลือกตัวอย่างเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาแบบ
เจาะจง (Purposive Sampling) โดยให้เหตุผลตามหลักความสำคัญของเครื่องจักรในการผลิต
มาทำการปรับปรุงโดยใช้ TPM SMED และแนวทาง ECRS โดยการเก็บข้อมูลเวลาที่ใช้ในการ
ปรับเซ็ตเครื่องจักรก่อนและหลังการปรับปรุงจำนวน 30 ครั้ง และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิง
พรรณนาเป็นค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงใช้สถิติเชิงอนุมาน หรือ
สถิติเชิงอ้างอิง (Inferential Statistics) ใช้การวิเคราะห์ T-test เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
ข้อมูลที่เก็บได้ก่อนการปรับปรุงและข้อมูลที่ได้หลังจากที่มีการปรับปรุง
ผลการศึกษาพบว่าหลังจากการปรับปรุงโดยการใช้หลัก TPM เข้ามาแก้ไขสามารถลด
ระยะเวลาที่ใช้ในการปรับเซ็ตเครื่องจักรลงรวมทุกขั้นตอนเฉลี่ย 89.50 นาที จากเดิมก่อนการปรับปรุง
จะใช้เวลาเฉลี่ยรวมทุกขั้นตอน 108.50 นาที คิดเป็นอัตราส่วนที่ลดลงร้อยละ 17.51 และจากนั้น
ได้ทำการปรับปรุงขั้นตอนการปรับเซ็ตต่อโดยใช้แนวทาง SMED และหลัก ECRS เข้ามาช่วย
ในการปรับปรุงร่วมกับ TPM จากการศึกษาพบว่าสามารถลดเวลาในการปรับเซ็ตลงได้อีกโดย
เวลาที่ใช้ในการปรับเซ็ตเครื่องจักรรวมทุกขั้นตอนเฉลี่ยเหลือ 75.53 นาที จากเดิมก่อนการปรับปรุง
จะใช้เวลาเฉลี่ยรวมทุกขั้นตอน 108.50 นาที คิดเป็นอัตราส่วนที่ลดลงร้อยละ 30.38
จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของระยะเวลาที่ใช้ในการปรับเซ็ตเครื่องจักรก่อนการปรับป
Full Text : Download! |
||
2. | การบำรุงรักษาทวีผลทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อลดเครื่องจักรเสียขณะปฏิบัติงาน [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : กฤษฏิ์ติณณ์ เมืองน้อย | ||
งานวิจัยนี้นำเสนอการประยุกต์ใช้ระบบการบำรุงรักษาทวีผลทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อลด
ปัญหาเครื่องจักรเสียขณะปฏิบัติงานในเครื่องจักรคอนกรีตปั๊มของบริษัท พาวเวอร์ปั๊ม จำกัด
เป็นงานวิจัยในสถานการณ์จริง ทำการศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบให้เครื่องจักรเสีย
ขณะปฏิบัติงาน เพื่อหาวิเคราะห์หาแนวทางทำการปรับปรุงให้เครื่องจักรเกิดปัญหาระหว่าง
ปฎิบัติงานน้อยลง
จากการวิเคราะห์พบว่าเครื่องจักรมีการเสียเนื่องจากหลายสาเหตุ ทั้งในด้านวิธีการบำรุง
รักษา การละเลยในการบำรุงรักษา คุณภาพของชิ้นส่วนที่นำมาทำการซ่อมบำรุง และการติดตามผล
การซ่อมบำรุงและบำรุงรักษา ดังนั้นจึงได้นำหลักการของ TPM มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหา
และพัฒนาระบบการซ่อมบำรุงและบำรุงรักษาเครื่องจักรโดยมุ่งเน้นการปรับปรุงเฉพาะจุดใน
ระบบของเครื่องจักรที่มีการเสียจนทำให้เกิดการเสียขณะปฏิบัติงาน และทำการหาสาเหตุและ
ต้นตอของปัญหาในการเสียของระบบต่างในเครื่องจักรคอนกรีตปั๊มและการนำวิธีการบำรุงรักษา
ด้วยตนเองมาประยุกต์ใช้เพื่อป้องกันการ เสียของเครื่องจักรขณะปฏิบัติงาน
ผลจากการวิจัยพบว่า จำนวนของเครื่องจักรที่เสียระหว่างปฏิบัติงานลดลงจาก 44 ครั้ง
เหลือ 12 ครั้ง การเสียหายของคอนกรีตที่เกิดจากเครื่องจักรเสียลดลงจาก 235 คิว เหลือ 66 คิว
การประยุกต์การบำรุงรักษาด้วยตนเองช่วยให้พบจุดผิดปกติของเครื่องจักรทั้งหมด 558 รายการ
และทำการแก้ไขเหลือ 221 รายการ
Full Text : Download! |
||
3. | การวิเคราะห์ต้นทุนบนฐานกิจกรรมและเกณฑ์เวลา เพื่อลดความสูญเปล่าในกระบวนการผลิต : กรณีศึกษา บริษัท ผลิตเฟอร์นิเจอร์แบบน็อคดาวน์ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : พิมชนก เปรมสมาน | ||
สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนการผลิตของตู้เสื้อผ้า 3 บาน รหัส
WR-013-2 โดยใช้การวิเคราะห์ต้นทุนบนฐานกิจกรรมและเกณฑ์เวลา และค้นหาแนวทางลด
ความสูญเปล่าของกระบวนการผลิต เลือกฝ่ายผลิตตู้เสื้อผ้า 3 บาน รหัส WR-013-2 ของบริษัท
วู้ดเทค เฟอร์นิช จำกัด เป็นหน่วยวิเคราะห์ ดำเนินการศึกษากระบวนการผลิตตู้เสื้อผ้า 3 บาน
รหัส WR-013-2 ด้วยการสังเกตการณ์และจดบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นและเวลาปฏิบัติงานใน
กระบวนการผลิต ระหว่างเดือนตุลาคม 2560 ถึงเดือนสิงหาคม 2561 คำนวณต้นทุนของ
กิจกรรมที่เกิดขึ้นตามเกณฑ์เวลาโดยใช้ข้อมูลต้นทุนแรงงานและค่าโสหุ้ยที่เก็บรวบรวม 2 ช่วง
ช่วงละ 3 เดือนเพื่อคำนวณค่าเฉลี่ย และวิเคราะห์หาความสูญเปล่าภายในกระบวนการผลิต
ดำเนินการปรับปรุง และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตก่อนและหลังปรับปรุง
ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการผลิตตู้เสื้อผ้า 3 บาน รหัส WR-013-2 ประกอบด้วย
กิจกรรม 5 แผนก ได้แก่ แผนกตัด ปิดขอบ เจาะ แต่งสี และแผนกแพ็คกิ้ง แผนภูมิการไหลของ
กระบวนการผลิตประกอบด้วยรายการชิ้นส่วนไม้ 21 ชิ้น และเวลาที่ใช้ในกิจกรรมการผลิตแต่ละ
ชิ้นส่วน โดยตู้เสื้อผ้า 1 ตัว ใช้เวลาในการผลิต 51.90 นาที แผนกปิดขอบใช้เวลาในการผลิตมาก
ที่สุด 9.30 นาที และมีเวลาในการรอคอย 12.65 นาที จึงเลือกปรับปรุงที่แผนกปิดขอบชิ้นส่วน
ไม้ที่มีขั้นตอนที่ใช้เวลาผลิตเกิน 50 วินาที โดยใช้หลักการ ECRS ผลการปรับปรุงกระบวนการ
ปิดขอบชิ้นส่วนไม้ 6 ชิ้นงาน สามารถลดเวลาการผลิตตู้เสื้อผ้า 1 ตัว ลงเหลือ 48.38 นาที และสามารถ
ลดต้นทุนรวมของการผลิตตู้เสื้อผ้า 3 บาน รหัส WR-013-2 ลงได้ 88.09 บาทต่อตู้ การวิเคราะห์
ต้นทุนบนฐานกิจกรรมและเกณฑ์เวลาทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิตตู้เสื้อผ้า 3 บา
Full Text : Download! |
||
4. | การปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและความพึงพอใจของลูกค้า : กรณีศึกษาผู้ให้บริการติดตั้งและซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : นฐพล ไกรศักดาวัฒน์ | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาคุณภาพการให้บริการของบริษัทกรณีศึกษา โดย
ใช้แบบประเมิน SERVQUAL และแบบจำลองคาโน สำหรับหาช่องว่างของความต้องการของ ลูกค้า กำหนดระดับความพึงพอใจของลูกค้า และสร้างแผนการปรับปรุงคุณภาพด้านบริการของ
บริษัทกรณีศึกษา โดยประยุกต์ใช้เทคนิคการกระจายหน้าที่เชิงคุณภาพในการวางแผนการ
พัฒนาด้านบริการของบริษัทกรณีศึกษาระบบปรับอากาศ โดยขอบเขตการวิจัยครั้งน ี้จะศึกษา
เกี่ยวกับธุรกิจบริการประเภทเครื่องปรับอากาศสำหรับเชิงพาณิชย์และเชิงอุตสาหกรรม ในการ
สร้างแบบสอบถามจะประยุกต์ใช้ทฤษฏีมิติคุณภาพสำคัญ 5 มิติ (SERVQUAL), แนวคิดด้านลูกค้า สัมพันธ์(Foremen’s Institute Customer Relation Theory และนโยบายของบริษัทกรณีศึกษา ซึ่งประกอบด้วย 3 หัวข้อ คือ ด้านความรวดเร็วในการให้บริการ ด้านความน่าเชื่อถือความเชื่อมั่น
ในการให้บริการ และด้านความสุภาพอ่อนน้อมและการเอาใจใส ่ทำให้ได้แบบสอบถามที่ประกอบ
ด้วยคุณภาพการบริการ 22 หัวข้อ จากนั้นทำการสำรวจจากลูกค้าทั้งหมด 8 บริษัท บริษัทละ 3
ท่าน รวมทั้งหมด 24 ท่าน
โดยผลการศึกษาวิจัย หัวข้อที่ผู้ให้บริการด้านระบบปรับอากาศและทำความเย็น
บริษัทกรณีศึกษา ควรทำการปรับปรุงคุณภาพการบริการมีทั้งหมด 11 หัวข้อ หลังจากนั้นนํา
ประเด็นคุณภาพเหล่านี้เข้าสู่การประยุกต์ใช้เทคนิคการกระจายหน้าที่การทำงานเชิงคุณภาพ
โดยแบ่งเป็น 3 เฟส ผลการศึกษา ในเฟสที่ 1 พบว่าความต้องการด้านการออกแบบมีทั้งหมด
13 หัวข้อ ในเฟสที่ 2 พบว่ากระบวนการปรับปรุงคุณภาพการบริการมีทั้งหมด 6 หัวข้อ และใน
เฟสที่ 3 พบว่าบริษัทกรณีศึกษาควรทำการควบคุมและปรับปรุงคุณภาพการบริการ ซึ่งกิจกรรม
แผนการควบคุมประกอบด้วย 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่
Full Text : Download! |
||
5. | การบริหารกระบวนการเปลี่ยนผ่านระบบมาตรฐาน : กรณีศึกษา การดำเนินการเปลี่ยนระบบ ISO 9001 ฉบับ 2008 สู่ 2015 [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : นวพร ครองญาติ | ||
การศึกษาเริ่มต้นจากการทบทวนข้อกำหนด จากนั้นทำการวางแผนและหามาตรการ
การปรับปรุง โดยเครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap analysis) ระบบบริหารคุณภาพ ISO9001 และหลักการ PDCA จากการการบริหารปัจจุบันเทียบกับมาตรฐานที่ต้องการ
วิเคราะห์ช่องว่างจากที่มีการประกาศใช้ระบบมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001
ฉบับใหม่ องค์การจะต้องดำเนินวางแผนระบบบริหารจัดการเพื่อการเปลี่ยนระบบเข้าสู่ระบบ
มาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 ฉบับที่ 2015 เป็นที่มาในการศึกษาประเด็นหลักที่
เปลี่ยนแปลงเป็นฉบับที่ 2015 และการประเมินช่องว่างระบบบริหารคุณภาพขององค์การ ณ
ปัจจุบันเทียบกับข้อกำหนด ISO9001 ฉบับ 2015 ของสถานประกอบการผู้ผลิตยานยนต์กลุ่ม
อุตสาหกรรมยุโรป ที่ได้การรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 ฉบับที่ 2008 และมีแผนการ
เปลี่ยนระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 เป็นฉบับที่ 2015 การเพื่อให้ทราบถึงสิ่งที่องค์การ
จะต้องแก้ไขปรับปรุงหรือจัดทำเพิ่มเติม สำหรับกำหนดแนวทางในการวางแผน และการบริหาร
จัดการเพื่อให้สอดคล้องข้อกำหนดและได้มาซึ่งการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO9001 ฉบับ
2015 โดยการใช้รายการตรวจสอบตามข้อกำหนดตามมาตรฐาน ISO9001 ฉบับ 2015 เป็นเครื่องมือ
ในการศึกษาและกำหนดขั้นตอนการดำเนินการ
Full Text : Download! |
||
6. | การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตการทำงานและความผูกพันในองค์กรของพนักงานในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นและเกม [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : สาวิตรี ตั้งเพียรวัฒนา | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับคุณภาพชีวิตการทำงาน ระดับความผูกพันในองค์กร และความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตและความผูกพันในองค์กรของพนักงานในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นและเกม การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีการสารวจจากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทางานในอุตสาหกรรม แอนิเมชั่นและเกม จานวน 400 คน
ผลของการศึกษา พบว่า พนักงานในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นและเกม มีคุณภาพชีวิตการทางานอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.48 และมีความผูกพันในการทางานอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.04 เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สันระหว่างคุณภาพชีวิตการทางานและความผูกพันในองค์กร พบว่ามีค่า 0.648 ซึ่งแปลผลได้ว่าคุณภาพชีวิตการทางานและความผูกพันในองค์กรมีความสัมพันธ์กันสูงในทิศทางเดียวกัน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
Full Text : Download! |
||
7. | การประยุกต์ใช้เกณฑ์ในการเจรจาต่อรองเพื่อลดต้นทุนสินค้าจากคู่ค้า [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : แคทรียา เธียรภาณุพงศ์ | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบข้อมูล การให้คะแนนตาม น้ำหนัก (Factor Rating Method) โดยหาวิธีการเลือกคู่ค้าผู้ขายสินค้าและให้บริการ เพื่อหาวิธ ีให้ได้ต้นทุนสินค้า และบริการที่ถูกลง (2) เพื่อคัดเลือกผู้ผลิตที่มีคุณภาพ จัดส่งสินค้าถูกต้องตาม คุณลักษณะของสินค้าและจัดส่งสินค้าตรงตามเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงคุณภาพ ราคา การจัดส่ง
และความยืดหยุ่นได้ตามที่แผนกต้องการ (3) เพื่อศึกษาการใช้วิธีการเจรจาต่อรองและใช้กลยุทธ ์ที่ศึกษามาดำเนินการลดต้นทุนของสินค้าและบริการให้ต้นทุนการจัดซื้อจัดจ้างถูกลง
ผลการวิจัยในครั้งนี้มีการจัดทำแบบฟอร์มการประเมินและคัดเลือกผู้ผลิตสำหรับการ
ทำงานของแผนกจัดซื้อเพื่อเลือกต้นทุนที่ถูกที่สุด โดยมีการทำการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการสำรวจ
จากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากแบบสอบถามซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 50 คน
โดยใช้หลักเกณฑ์ในการเจรจาของแผนกจัดซื้อ นำกระบวนการในการเจรจาต่อรอง และใช้กลยุทธ์
เช่น Game Theory และ BATNA Theory ในการเจรจาต่อรอง
Full Text : Download! |
||
8. | การศึกษากระบวนการทำงาน และประยุกต์แนวคิดลีน เพื่อกำจัดความสูญเปล่าในกระบวนการจัดซื้อ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : กนก ติญญนนท์ | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษา และวิเคราะห์ความสูญเปล่าในกระบวนการ จัดซื้อสินค้าจากต่างประเทศ (2) เพื่อหาแนวทางในการลดเวลาการทำงาน ลดข้อร้องเรียนจาก ลูกค้า และลดต้นทุนในส่วนของค่าปรับ ในกระบวนการจัดซื้อสินค้าจากต่างประเทศ การศึกษา
ครั้งนี้เป็นการศึกษากระบวนการทำงานในกระบวนการจัดซื้อต่างประเทศของบริษัท ในธุรกิจซื้อ
มาขายไปแห่งหนึ่ง เพื่อหาความสูญเปล่าในกระบวนการทำงานดังกล่าว พร้อมทั้งนำแนวคิดลีน
มาประยุกต์ใช้เพื่อกำจัดความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการและลดเวลาลีดไทม์ ของกระบวนการ
โดยมีแนวทางในการปรับปรุง 7 แนวทาง
ผลจากการศึกษากระบวนการ และประยุกต์แนวคิดลีนเพื่อกำจัดความสูญเปล่าใน
กระบวนการจัดซื้อต่างประเทศนั้นสามารถดำเนินการได้ 7 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 และ
แนวทางที่ 2 สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยได้ผลลัพธ์ ดังนี้ (1) ลีดไทม์ของกระบวนการขาย สินค้าลดลงจาก 97.92 วัน หรือ 97 วัน กับ 7 ชั่วโมง เหลือ 89.91 วัน หรือ 89 วัน กับ 7 ชั่วโมง
(2) ขั้นตอนการทำงานในกระบวนการจัดซื้อต่างประเทศลดลง จาก 19 ขั้นตอน เหลือ 17 ขั้นตอน (3) ข้อร้องเรียนจากลูกค้าเรื่องการส่งสินค้าล่าช้าลดลง จาก 3 ครั้ง เป็น 0 ครั้ง (4) ลด ค่าปรับที่เกิดจากการส่งสินค้าล่าช้าลงจาก 2,800,000 บาท เป็น 0 บาท (5) ลดพนักงานฝ่ายจัดซื้อ ลงจาก 3 คน เหลือ 2 คน โดยโยกย้ายพนักงาน 1 คน ไปทำงาน เปรียบเทียบ ราคา ซัพพลายเออร์
ภายในประเทศ ในส่วนของแนวทางที่ 3 ถึงแนวทางที่ 7 นั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที
เนื่องจากมีส่วนในการปรับปรุงกระบวนการที่เป็น Uncontrollable Process หรืองานที่ไม่สามารถ
ควบคุมได้จึงมีแผนการดำเนินงาน ระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการเสร็จ และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะ
Full Text : Download! |
||
9. | ปัจจัยในการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการทำงานของพนักงาน : กรณีศึกษา บริษัทเอกชนด้านโลจิสติกส์ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : บาลีภัทร ลิ้มธงเจริญ | ||
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยในการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์และพฤติกรรม
การทำงานที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการทำงานของพนักงาน โดยการเก็บข้อมูลในบริษัทเอกชน
กรณีศึกษา จำนวน 122 คน มีเครื่องมือในการศึกษาด้วยการใช้ แบบสอบถามแบบปลายปิด (Closed-end Questionnaire) ใช้สถิติทดสอบหาความสัมพันธ์แบบถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 เพื่อทดสอบสมมติฐาน ผลการศึกษาพบว่า จาก 122 คน มีจำนวน 92 คนที่ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ในการทำงาน
และสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์ส่งผลเชิงบวกต่อประสิทธิผลการทำงานด้าน
ปริมาณงาน ค่าใช้จ่ายในการทำงาน คุณภาพของงาน และเวลาที่ใช้ในการทำงาน ส่วนปัจจัยด้าน
พฤติกรรมการทำงาน เรื่องมนุษยสัมพันธ์ส่งผลเชิงลบต่อประสิทธิผลการทำงานด้านค่าใช้จ่ายใน
การทำงาน ซึ่งได้ผลที่ได้ให้ผลเช่นเดียวกับพนักงานที่รู้สึกถูกคุกคามเวลาส่วนตัวจากการใช้
แอพพลิเคชั่นไลน์ในการทำงาน ส่วนพนักงานที่รู้สึกไม่ถูกคุกคามเวลาส่วนตัวจากการใช้
แอพพลิเคชั่นไลน์ในการทำงาน พบว่ามีปัจจัยสองส่วนที่ส่งผลเชิงบวกต่อประสิทธิผลการทำงาน
ได้แก่ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์ส่งผลต่อประสิทธิผลการทำงานด้านปริมาณงาน ค่าใช้จ่ายใน
การทำงาน คุณภาพของงานและเวลาที่ใช้ในการทำงาน และปัจจัยด้านความคิดสร้างสรรค์และ
การเรียนรู้ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการทำงานด้านปริมาณงาน ค่าใช้จ่ายในการทำงาน และคุณภาพ
ของงาน
จากผลการวิจัยนี้ บริษัทกรณีศึกษาควรวางแผนให้มีแนวทางในการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์
ในการทำงาน เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกถูกคุกคาม และทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ส่งผลดีต่อ
ประสิทธิผลการทำงาน
Full Text : Download! |
||
10. | อิทธิพลของคุณค่าที่ผู้บริโภครับรู้และความเชื่อมั่นในตราสินค้าที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าน้ำมันหล่อลื่น ผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภค ในเขตกรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : อัครกฤษณ์ จงไพบูลย์พัฒนะ | ||
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านคุณค่าที่ผู้บริโภครับรู้ที่ส่งผล
ต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าน้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทางตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Marketplace)
(2) เพื่อศึกษาความเช่ือมั่นในตราสินค้า ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าน้ำมันหล่อลื่นผ่าน
ช่องทางตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Marketplace) การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ
โดยใช้วิธีการสำรวจจากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ซื้อสินค้า
น้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทางตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Marketplace) ขับขี่รถยนต์ที่มีอาย ุ
ตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป มีรายได้ 10,000 บาทขึ้นไป อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 421 คน
ผลการทดสอบค่าสัมประสิทธ์ิของตัวแปรอิสระ ได้ผลสรุปว่า ปัจจัยทางด้านคุณค่าที่ผู้บริโภครับรู้
ด้านคุณภาพ และด้านราคา ความเชื่อมั่นในตราสินค้า และการตระหนักรู้ตราสินค้า มีความ
สอดคล้องอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ
โดยใช้สูตรการวิเคราะห์แบบ การถดถอยอย่างง่าย
Full Text : Download! |
||
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250