fieldjournalid
![]() | สารนิพนธ์ (EEM) 2015 |
1. | การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้ข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เบญจวรรณ เกียรติสกุลเลิศ | ||
การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้ข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตในการเลือก
ซื้อสินค้าและบริการนั้น มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ
ของผู้บริโภค โดยศึกษาจากการเลือกใช้ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่ผู้บริโภคค้นหาเพื่อประกอบการ
ตัดสินใจซื้อและทัศนคติที่มีต่อข้อมูลของสินค้าและบริการในอินเตอร์เน็ต
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยการรวบรวมแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง
ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการจำนวน 400 คน
จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ การวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่
การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ
และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรอย่างง่ายโดยการวิเคราะห์การถดถอย (Simple Regression
Analysis) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 ประมวลผลข้อมูลจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
สำเร็จรูปทางสถิติ หรือ SPSS
ผลการวิจัยพบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเพศหญิงมากกว่าเพศ
ชายมีอายุต่ำกว่า 20 ปี รองลงมาคืออายุระหว่าง 21-30 ปี มีการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี
มากที่สุดรองลงมาระดับมัธยมปลาย และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นนักเรียนนักศึกษา
รองลงมาพนักงานบริษัทเอกชน มีสถานภาพโสด มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001 - 70,000 บาท
ประเภทสินค้าและบริการที่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่กลุ่มตัวอย่างค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตคือ
สินค้าประเภทแฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องประดับและรองเท้าเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือสินค้าประเภท
เครื่องสำอาง สกินแคร์ ผลการศึกษาความคิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติที่ผู้บริโภคมีต่อ
แหล่งที่มาของข้อมูลของสินค้าและบริการในอินเต
Full Text : Download! |
||
2. | ปัจจัยความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อความมุ่งมั่นในการรักษาระบบ ISO/TS 16949 กรณีศึกษา พนักงานบริษัทบางกอกสปริงอินดัสเตรียล จำกัด [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ดลยา บุญชูวงศ์ | ||
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยหน้าที่การจัดการ เช่น การวางแผน, การ
จัดการโครงสร้างองค์กร, การนำและการควบคุม 2) ศึกษาปัจจัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์
เช่น การให้รางวัล, การลงโทษ, ความตระหนักและความจงรักภักดี3) ศึกษาการบริหารระบบ
ISO เช่น การให้ความรู้, การฝึกอบรม, การสื่อสาร และการทบทวนฝ่ายบริหาร 4) สรุปปัจจัย
เพื่อหาความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อความมุ่งมั่น
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ พนักงานบริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์พื้นที่ บางนา-
ตราด กม.ที่15 และนิคมอมตะซิตี้จังหวัดระยอง โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างใช้สูตรคำนวณของทา
โร่ ยามาเน่ ประชากรที่สุ่มมี 3 บริษัท ขนาดตัวอย่างเท่ากับ 400 คน วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ
สะดวก ใช้แบบสอบถามกระจายสุ่มตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยด้านหน้า
ที่การจัดการ มีความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อความมุ่งมั่นเชิงบวกสำคัญสุดเรียงลำดับการนำ, การจัดการ
โครงสร้าง, การวางแผนและการควบคุม 2) ปัจจัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์มีความสัมพันธ์
ส่งผลต่อความมุ่งมั่นเชิงลบสำคัญสุดเรียงลำดับ ด้านความจงรักภักดี,ด้านความตระหนัก, ด้านการ
ลงโทษ, และด้านการให้รางวัล การใช้เครื่องมือ HR มาก ส่งผลต่อความมุ่งมั่นทำให้พนักงาน
ต่อต้าน 3) ปัจจัยการบริหารระบบ ISO มีความสัมพันธ์ส่งผลต่อความมุ่งมั่นเชิงบวกและมี
ความสัมพันธ์มากกว่าปัจจัยอื่น สำคัญที่สุดเรียงลำดับ ด้านการสื่อสารและด้านการทบทวนฝ่าย
บริหาร, ด้านการฝึกอบรม, ด้านการเรียนรู้ 4) สรุปปัจจัยเพื่อหาความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อความ
มุ่งมั่น สร้างแบบสมการความสัมพันธ์ดังนี้ (Commitment=1.740+.470 (ISO Mgnt.)+.360
(Mgnt.Funct.)-.210 (HR
Full Text : Download! |
||
3. | การศึกษาแนวทางการปรับปรุงต้นทุนการผลิตในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ถอดประกอบ โดยใช้ระบบต้นทุนฐานกิจกรรม [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : หทัยทิพย์ นวกิจวิบูลย์ | ||
สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการปรับปรุงต้นทุนการผลิต
เฟอร์นิเจอร์ถอดประกอบ โดยใช้วิธีการคำนวณต้นทุนฐานกิจกรรม ซึ่งเดิมบริษัทตัวอย่างมี
วิธีการคำนวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ โดยการนำต้นทุนค่าวัตถุดิบมาเป็นฐานในการคำนวณต้นทุน
ส่วนอื่นๆ ทั้งในส่วนของต้นทุนทางอ้อมและต้นทุนค่าแรงงาน โดยใช้การประมาณค่าใช้จ่ายเป็น
เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนค่าวัตถุดิบในลักษณะของการใช้ปริมาณเป็นฐาน ซึ่งต้นทุนค่าวัตถุดิบ
ไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุเดียวของการเกิดต้นทุนทางอ้อม รวมทั้งบริษัทไม่มีการกำหนดวิธีการและ
เกณฑ์ที่ในการจัดสรรค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อย่างชัดเจน ทำให้วิธีการจัดสรรต้นทุนทางอ้อมเข้าสู่
ผลิตภัณฑ์และการคำนวณต้นทุนแบบเดิมนี้มีความไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับปริมาณการ
ผลิตและเวลาที่ใช้ในการผลิตจริง ต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่คำนวณได้จึงบิดเบือน และส่งผลให้ไม่
สามารถกำหนดราคาขายที่เหมาะสม
ในการศึกษาแนวทางการปรับปรุงต้นทุนการผลิต โดยใช้วิธีการคำนวณต้นทุนฐาน
กิจกรรม กับการคำนวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ ชุดครัว รุ่น 57PT0470 พบว่า ต้นทุนของผลิตภัณฑ์มี
ค่าเท่ากับ 14,303.17 บาทต่อตัว เมื่อเทียบกับวิธีการคำนวณต้นทุนแบบเดิมมีค่าเท่ากับ
17,973.54 บาท คิดเป็นร้อยละ 20.42 เมื่อวิเคราะห์พบว่า การคำนวณต้นทุนฐานกิจกรรมมีการ
ปันส่วนต้นทุนทางอ้อม คือแรงงานทางอ้อม และค่าใช้จ่ายการผลิตอื่นๆ เข้าสู่ผลิตภัณฑ์ตาม
ปริมาณที่ใช้ในการผลิตจริง ทำให้บริษัทตัวอย่างมีการคำนวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ได้ถูกต้องมาก
ยิ่งขึ้น ส่งผลให้กำหนดราคาขายได้อย่างเหมาะสม เพื่อสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น
และการคำนวณต้นทุนฐานกิจกรรมสามารถวิเคราะห์ถึงระดับคุณค่าของกิจกรรมการผลิต โดย
พิจารณาจากกิจกรรมที่ไม่เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากผลิตภัณ
Full Text : Download! |
||
4. | การกำหนดแผนพัฒนาบุคลากรในธุรกิจทำความสะอาดเครื่องจักรอุตสาหกรรม กรณีศึกษา บริษัท เคชั่น เพาเวอร์จำกัด [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : โกวิทย์ โรจน์อมรกุล | ||
สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษากระบวนการพัฒนาบุคลากรด้านการวางแผน
กลยุทธ์และกำหนดแผนพัฒนาบุคลากรในธุรกิจทำความสะอาดเครื่องจักรอุตสาหกรรมโดยใช้
บริษัท เคชั่น เพาเวอร์ จำกัด เป็นหน่วยวิเคราะห์ โดยดำเนินการศึกษาเป็น 3 ขั้นตอน เริ่มจาก
การศึกษากระบวนการพัฒนาบุคลากรจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ 3 ครั้ง การระดมสมองแบบ
เทคนิคกลุ่มเพื่อกำหนดหัวข้อที่จำเป็นในการฝึกอบรม และประเมินความพึงพอใจต่อแผนการ
ฝึกอบรม เก็บรวบรวมข้อมูลจากพนักงานทั้งหมดจำนวน 45 คน ของบริษัทโดยใช้แบบสอบถาม
ที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องของรายฉบับเท่ากับ 1 ประมวลผลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา
ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการพัฒนาบุคลากรด้านการวางแผนกลยุทธ์ทำให้พนักงาน
เกิดการเรียนรู้และเข้าใจวิธีการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและภัยคุกคามในระดับตนเอง
แผนกและของบริษัท และมีความต้องการอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากการระดมสมองของ
ผู้บริหารและหัวหน้างาน พบว่า มีความจำเป็นในการฝึกอบรม 10 หัวข้อ แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก
ได้แก่ ความรู้ทางด้านเทคนิคและผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 7 หัวข้อ ทักษะในการขายและการตลาด
ประกอบด้วย 2 หัวข้อ และภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ในส่วนการประเมินความพึงพอใจต่อ
แผนการฝึกอบรม พบว่า ด้านการเพิ่มพูนแรงจูงใจและด้านระยะเวลาและความเหมาะสมของ
หลักสูตรเป็นประเด็นที่พนักงานเห็นด้วยมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.37 และ 4.47
ตามลำดับ ส่วนด้านการปรับปรุงระดับความตระหนักรู้ในตนเองและด้านการเพิ่มพูนทักษะใน
การทำงาน พนักงานเห็นด้วยในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 และ 3.50 ตามลำดับ
บริษัทได้นำแผนพัฒนาบุคลากรนี้ไปดำเนินการจัดการฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานมีสมรรถนะที่
จำเป็นต่อการปฏิบัติงานต่อไป
Full Text : Download! |
||
5. | การประยุกต์ใช้ลีนในอุตสาหกรรมการผลิตโรงงานผลิตหนังพีวีซี [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : มานิตย์ เดโชเกียรติถวัลย์ | ||
สารนิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค้นคว้าแนวทางในการปรับปรุงเวลานำใน
การผลิตของการผลิตหนังเทียมฟองน้ำพีวีซีโดยใช้หลักการการปรับปรุงประสิทธิภาพของ
แนวคิดการผลิตแบบลีน ในการระบุปัญหาในกระบวนการผลิตที่มี หาความสูญเปล่ามาปรับปรุง
ลดขั้นตอนหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานให้ดีขึ้นและลดเวลานำในการผลิตลง ดำเนินการศึกษา
ในกระบวนการผลิตคาเลนเดอร์ โอเว่น และเครื่องพิมพ์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์หนังเทียมฟองน้ำพีวีซี
รุ่นหนึ่งในหลายๆ รุ่น ที่ลูกค้ามีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นกลุ่ม
ผลการศึกษาพบว่า ก่อนการปรับปรุงความต้องการสินค้าเบาะรถยนต์มีความต้องการ
เพิ่มขึ้นมาก โดยมีความต้องการ 250,000 หลาต่อเดือน แต่สามารถผลิตได้เพียง 200,000 หลา
ต่อเดือน ซึ่งยังมีความแตกต่างอยู่ที่20% ความต้องการต่อเดือนในวัสดุตัวนี้เท่ากับ 10,000 หลา
แบ่งการผลิตเป็น 4 ครั้ง ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2,500 หลา ข้อมูลจากการทำสายธารคุณค่า
(VSM) พบว่า ใน 1 รอบของการผลิตสินค้ารุ่นนี้ ใช้เวลาในการผลิต (Process Time) เท่ากับ
1,237 นาที แต่มีเวลานำ 1,580 นาที เท่ากับ มีอัตราการผลิตอยู่ที่ 0.632 นาทีต่อหลา โดยการ
ปรับปรุงใน 3 เรื่อง คือ การปรับปรุงกระบวนการแต่งสี(CM) ที่เครื่องพิมพ์ กระบวนการเปลี่ยน
ลูกลายที่เครื่องโอเว่น (SU) และกระบวนการปรับปรุงปั๊มน้ำยาและสี(DT)
หลังการปรับปรุงโดยใช้แนวทางลีน สามารถปรับปรุงลดการย้อมสีที่เครื่องพิมพ์ ทำให้
เวลาในการย้อมสี(CM) ลดลงเหลือ 30 นาที ลดเวลาในการเปลี่ยนลูกลายที่โอเว่น ลดเหลือ
4.08 นาที และลดเวลา Break Down ของปั๊มน้ำยาและสี เหลือเฉลี่ยต่อเดือน 4.33 ครั้ง ต่อ
เดือนซึ่งลดลง 1.67 ครั้งต่อเดือน และเกิดการสูญเสียเวลา 104 นาทีต่อเดือน ส่งผลให้เวลานำ
ลดลงเหลือ 1,202 นาที ลดลง
Full Text : Download! |
||
6. | การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความเครียดของพนักงานในการทำงาน กรณีศึกษา บริษัท พลาตินัม เคมิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ปาลิดา สุริยพงศ์ไพศาล | ||
การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้เป็นการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความเครียดของพนักงาน
ในการทำงาน กรณีศึกษา บริษัท พลาตินัม เคมิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เพื่อศึกษาปัจจัยที่
ก่อให้เกิดความเครียดของพนักงานในการทำงาน ผลกระทบของปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดที่
มีต่อความเครียดในการทำงานของพนักงาน และแนวทางในการลดความเครียดในการทำงาน
โดยศึกษาการวิจัยเชิงปริมาณแบบเชิงสำรวจ ซึ่งจะศึกษาข้อมูลจากประชากรโดยการใช้
แบบสอบถาม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานของบริษัท พลาตินัม เคมิคอล เอ็น
จิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งมีประชากรทั้งหมด 80 คน การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย
การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วย สถิติIndependent Sample T-Test, One-Way ANOVA, ค่า
สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่
เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี สถานภาพโสด การศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช./ปวส.) มีอายุงานอยู่ระหว่าง 4-6 ปีและมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,000-15,000 บาท การ
วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามให้ระดับ
ความสำคัญของปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดด้านองค์การมากที่สุด คือ การทำงานอย่างรีบเร่ง
เพื่อให้ทันกำหนดเวลา และการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของปัจจัยที่ก่อให้เกิด
ความเครียดพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามให้ระดับความสำคัญของข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของ
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียด โดยภาพรวมพบว่า อาการทางร่างกาย อาการทางจิตใจ และ
อาการทางพฤติกรรม มีระดับความสำคัญอย
Full Text : Download! |
||
7. | ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ในเขตสวนหลวง จังหวัดกรุงเทพมหานคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ปรินทร์ แซ่เบ๊ | ||
การศึกษาสารนิพนธ์เรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ในเขตสวน
หลวง จังหวัด กรุงเทพมหานคร ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลของผู้
ตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ 2. ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์โดย
การสำรวจจากผู้บริโภคที่เข้ามาในเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ประชากรกลุ่มตัวอย่าง คือ
การสัมภาษณ์ประชากรกลุ่มตัวอย่าง 17 คน และ กลุ่มประชากร 400 ตัวอย่าง ประเมินผลและ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติIndependent T-test, ANOVA
1. ผลการศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ พบว่าเพศหญิงให้
ความสำคัญในการตัดสินใจซื้อด้านผลิตภัณฑ์มากกว่าเพศชายทางด้านอายุแบ่งกลุ่มช่วงอายุ
ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ช่วงอายุต่ำกว่า 30 ปี กับ ช่วงอายุ 30-39 ปีและ ช่วงอายุ 40 ปี ขึ้นไป
พบว่าไม่พบความแตกต่างกัน และด้านลักษณะที่อยู่อาศัย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ บ้านเดี่ยว,
ทาว์นเฮาส์ และหอพัก/อพาร์ทเม้นท์
2. ผลการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์พบความแตกต่างด้าน
เพศ และ ด้านลักษณะที่อยู่อาศัย
จากผลการศึกษา2 ข้อพบประเด็นสำคัญคือ ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ควรให้ความสำคัญด้าน
ขนาดและการออกแบบของเฟอร์นิเจอร์
3. ศึกษาระดับความสำคัญของปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ พบว่าปัจจัยที่
เป็นอันดับแรกคือปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์มีค่าระดับความพึงประสงค์อยู่ในระดับมากที่สุด คือ 4.37
ปัจจัยลำดับที่สอง คือ ปัจจัยด้านราคามีค่าระดับความพึงประสงค์อยู่ในระดับมากที่สุด คือ 4.30
ปัจจัยลำดับที่สาม คือ ปัจจัยด้านทำเลที่ตั้งมีค่าระดับความพึงประสงค์อยู่ในระดับมาก คือ 3.87
และปัจจัยลำดับสุดท้าย คือ ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาดมีค่าระดับความพึงประสงค์อยู่ใน
Full Text : Download! |
||
8. | การศึกษาแนวทางการจัดการวัตถุดิบคงคลังแผนกห้องครัว กรณีศึกษา โรงแรม ABC [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : พัทธ์ชนุตม์ ปัญญาสกุลวงศ์ | ||
สารนิพนธ์ฉบับนี้ มีการกำหนดความมุ่งหมายของการศึกษา คือ (1) เพื่อศึกษา
กระบวนการจัดการวัตถุดิบคงคลังห้องครัวของอาหารสด และอาหารแห้งของห้องครัวของ
โรงแรมคอนวีเลียม สุวรรณภูมิ และ (2) เพื่อศึกษาแนวทางในการจัดการวัตถุดิบคงคลังห้องครัว
ของโรงแรมคอนวีเลียม สุวรรณภูมิ เป็นการศึกษาในเชิงคุณภาพที่มุ่งศึกษาข้อมูล และวิเคราะห์
ข้อมูลจากเอกสาร และคำสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องของกลุ่มตัวอย่างต่างๆ ผู้วิจัยจึงสามารถสามารถ
กำหนดสมมติฐานของการศึกษาในรูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ คือ การบริหารจัดการวัตถุดิบที่
มีค่าใช้จ่ายผันแปรสูงที่สุดสองอันดับของอาหารสดและอาหารแห้ง จะทำให้การจัดการวัตถุดิบ
คงคลังห้องครัวของโรงแรมคอนวีเลียม สุวรรณภูมิ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งผล
การศึกษา พบว่า
ปัจจุบันในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายนั้น เกิดปัญหาที่สำคัญ คือ ปัญหาของการ
เน่าเสีย และปัญหาจากการตรวจสอบข้อมูลจากการทำงานของแผนกครัว ที่ยังขาดความ
รอบคอบ ขาดความรู้ และขาดทักษะในการบริหารจัดการคลังสินค้าประเภทอาหารสด และ
อาหารแห้ง อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากกระบวนการหลังซื้อ ซึ่งจะพบว่า ภายหลังที่ซื้อวัตถุดิบ
อาหารแห้งมาแล้ว เมื่อนำไปเก็บไว้ในสถานที่จัดเก็บ กลับพบว่า มีวัตถุดิบประเภทอาหารแห้ง
ชนิดเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เกิดความผิดพลาดจากระบบการสั่งซื้อ หรือเกิดจากความไม่
รอบคอบของพนักงานที่ปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดังนั้น โรงแรมคอนวีเลียม สุวรรณภูมิ
จึงควรมีการจัดทำระบบวัตถุดิบคงคลัง ประเภทอาหารแห้ง ให้มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ
เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยโรงแรมคอนวีเลียม สุวรรณภูมิ ควรมีการจัดทำโปรแกรมที่จะให้พนักงานได้
ลงชื่อ และทำการเบิกวัตถุดิบต่างๆ อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตลอดจนโรงแรมจะต
Full Text : Download! |
||
9. | การศึกษาพฤติกรรมของเพศที่ต่างกัน ในการเลือกซื้อสินค้าทำมือ ทางช่องทางออนไลน์ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ปุณิกา ทวีธนธาตรี | ||
การศึกษาเรื่อง การศึกษาพฤติกรรมของเพศที่ต่างกัน ในการเลือกซื้อสินค้าทำมือทาง
ช่องทางออนไลน์ ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความแตกต่างทางพฤติกรรมการซื้อสินค้า
ทำมือทางช่องทางออนไลน์ ของเพศหญิง เพศชาย และเพศที่สาม 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นใน
การเลือกซื้อสินค้าทำมือทางช่องทางออนไลน์ ของเพศหญิง เพศชาย และเพศที่สาม 3) เพื่อศึกษา
ไลฟ์สไตล์ ที่มีผลกระทบต่อการเลือกซื้อสินค้าทำมือทางช่องทางออนไลน์ 4) เพื่อศึกษาปัจจัย
ทางการตลาดที่เหมาะสมต่อการซื้อสินค้าทำมือทางช่องทางออนไลน์ ของเพศหญิง เพศชาย
และเพศที่สาม 5) เพื่อศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน
สำหรับสินค้าทำมือ
ประชากรที่ศึกษาคือ ผู้ที่ซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ทำมือในกรุงเทพฯและเคยใช้บริการซื้อ
สินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณด้วยวิธีการสุ่ม
ตัวอย่างแบบตามสะดวกจำนวน 420 คน ผ่านทางระบบแบบสอบถามออนไลน์ เครื่องมือที่ใช้
เก็บข้อมูลคือแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ
สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพผู้วิจัยได้ทำการเรียนเชิญกลุ่มตัวอย่างเข้ารับการสัมภาษณ์แบบกลุ่ม
หรือการสนทนากลุ่ม จำนวน 68 คน โดยแบ่งออกเป็น6 กลุ่ม กลุ่มละ 8 คนโดยข้อมูลที่ได้รับ
เชิงปริมาณจะถูกนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ F-test และ ANOVA ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ
จะถูกนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยทางการที่ส่งผลต่อศักยภาพทางการแข่งขันของสินค้าทำมือ
ที่มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านราคา รองลงมาคือ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ปัจจัยการส่งเสริมการขาย และ
ปัจจัยช่องทางการจัดจำหน่ายตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้บริโภคที่มีเพศที่แตกต่างกันมี
พฤติกรรมก
Full Text : Download! |
||
10. | การลดอัตราชิ้นงานที่เสียในกระบวนการฉีดขึ้นรูปชิ้นส่วนพลาสติก กรณีศึกษา บริษัท เพียวริตี้ พลาสติก จำกัด [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : สฤษฏิ์พงศ์ อาจตัน | ||
สารนิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราการเกิดชิ้นงานเสียในกระบวนการฉีดพลาสติก
กรณีศึกษา บริษัท เพียวริตี้ พลาสติก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกด้วยกรรมวิธีฉีดขึ้นรูป
โดยกำหนดเป้าหมายให้มีของเสียลดลงร้อยละ 10 จากค่าเฉลี่ยต่อเดือนซึ่งสภาพก่อนการปรับปรุง
ที่มีของเสียอยู่ที่ร้อยละ 2.61
จากการเก็บข้อมูลสภาพปจั จุบัน ตั้งแต่เดือน มีนาคม-พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ด้วยใบ
รายงานการบันทึกของเสีย เพื่อศึกษาหาข้อมูลของเสียที่เกิดขึ้นและนำมาคัดแยกประเภทด้วย
แผนภูมิพาเรโตพบว่าร้อยละ 80 ของของเสียมีสาเหตุมาจากปญั หาจุดดำคิดเป็นร้อยละ 26.42
ปญั หาฟองอากาศ คิดเป็นร้อยละ 17.01 ปญั หาแหว่ง คิดเป็นร้อยละ 16.59 และปญั หาแตก คิดเป็น
ร้อยละ 11.71 หลังจากนั้นจึงวิเคราะห์สาเหตุหลักของปญั หาด้วยเครื่องมือ Why-Why Analysis
และนำสาเหตุหลักของการเกิดของเสียไปทำการแก้ไข
หลังจากการดำเนินการปรับปรุงแก้ไข พบว่า ปัญหาจุดดำลดลงจากร้อยละ 26.42 เหลือ
ร้อยละ 20.85 ปญั หาฟองอากาศลดลงจากร้อยละ 17.01 เหลือร้อยละ 13.81 ปญั หาแหว่งลดลง
จากร้อยละ 16.59 เหลือร้อยละ 15.91 และปัญ หาแตกลดลงจาก ร้อยละ 11.71 เหลือร้อยละ 10.22
ซึ่งเมื่อทำการหาค่าเฉลี่ยของร้อยละของเสียหลังปรับปรุงพบว่ามีอัตราของเสียอยทู่ ี่ ร้อยละ 2.38
คิดเป็นร้อยละ 8.81 ซึ่งยังไม่สามารถบรรลุผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ตัง้ ไว้ แต่สามารถลดค่าใช้จ่าย
ได้คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 144,000 บาทต่อปี จากนั้นจึงนำวิธีการแก้ไขมาจัดทำเป็นมาตรฐาน
การปฏิบัติงานและขยายผลไปสู่การพัฒนาการทำงานในส่วนอื่นๆ ต่อไป
Full Text : Download! |
||
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250