fieldjournalid
![]() | บทความวิจัย (EEM) 2013 |
1. | ปัจจัยส่วนผสมการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของเกษตรกร กรณีศึกษา ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : อภิสิทธิ์ แก้วใสย์ | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยด้านประชากร ส่วนประสมทางการตลาด ที่มีผลต่อความภักดีในตราสินค้า และที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ ปุ๋ยอินทรีย์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เกษตรกรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี จำนวน 290 คน เครื่องมือในการศึกษา คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Independent Sample, T-Test, One-Way Analysis of Variance และ Simple Linear Regression Analysis
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า เกษตรกรที่มีอายุ วุฒิการศึกษา รายได้ในครัวเรือน ต่างกันมีผลต่อความภักดีในตราสินค้าแตกต่างกัน ขณะที่ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดทุกด้าน (ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านการจัดจำหน่าย ด้านการการส่งเสริมการตลาด) มีผลต่อความภักดีในตราสินค้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
จากผลการศึกษาผู้จำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยส่วนบุคคลทางด้านอายุ วุฒิการศึกษา และรายได้ในครัวเรือน เพื่อพัฒนาระดับของความจงรักภักดีต่อตราสินค้าให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันแนวทางในการทำการตลาดในอนาคตควรมีการเน้นส่วนประสมทางการตลาดในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว
Full Text : Download! |
||
2. | การศึกษาแนวทางการพัฒนาโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) สาขารังสิต [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : อานนท์ อนันเกียรติกุล | ||
การศึกษาแนวทางการพัฒนาโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม
สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) สาขารังสิต มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศึกษาระดับความหวังและระดับการรับรู้จริงของผู้บริโภคในการ
ตัดสินใจเลือกเรียนภาษาของโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม สมาคม
ส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) สาขารังสิต เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา
(Descriptive Research) เก็บข้อมูลจากเอกสารและข้อมูลภาคสนาม ใช้
แบบทดสอบกับกลุ่มประชากรตัวอย่างซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน
ภาษาและวัฒนธรรม สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) สาขารังสิต
จำนวน 206 คน การจัดทำข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เปรียบเทียบ
ระดับความคาดหวังและระดับการรับรู้จริง โดยใช้ค่าสถิติ ผลการศึกษา
พบว่าระดับความคาดหวังโดยรวมสูงกว่าระดับการรับรู้จริงโดยรวม
และระดับความคาดหวังต่อการศึกษาที่โรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม
สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) สาขารังสิต ที่อาจเป็นระดับ
ความสำคัญในการดำเนินการพัฒนา เรียงลำดับระดับความคาดหวัง
ของผู้ใช้บริการ จากระดับความคาดหวังมากไปหาระดับความคาดหวัง
น้อย ดังนี้ ด้านบุคลากร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 ด้านสถานที่ มีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 4.37 ด้านกระบวนการให้บริการ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.35 ด้าน
ราคา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.34 ด้านผลิตภัณฑ์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 ด้าน
ลักษณะทางกายภาพ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.26 ด้านการส่งเสริมการตลาด
มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08
Full Text : Download! |
||
3. | การศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประเภทสินค้าเสื้อผ้าแบรนด์เนม [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : อาจารี สินวรพันธุ์ | ||
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบธุรกิจที่
เหมาะสมกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทสินค้าเสื้อผ้าแบรนด์
เนม โดยประเมินความเป็นไปได้ของโครงการจากการศึกษา 4 ด้าน
ได้แก่ ด้านการตลาด ด้านวิศวกรรม ด้านบริหาร และด้านการเงิน
จากนั้นจึงเลือกรูปแบบธุรกิจ โดยใช้ผลการวิเคราะห์ทางการเงิน และ
วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงรวมถึงกำหนดแผนฉุกเฉินสำหรับปัจจัยเสี่ยงนั้น
รูปแบบธุรกิจที่ทำการศึกษามี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบการจำหน่าย
สินค้าผ่านทางเว็บไซต์ และรูปแบบการจำหน่ายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์
และมีร้านค้าด้วย เมื่อพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนภายในและมูลค่า
ปัจจุบันสุทธิ พบว่า ธุรกิจรูปแบบจำหน่ายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ และมี
ร้านค้าด้วยให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยค่า NPV เท่ากับ 10,159,859 บาท
ค่า IRR เท่ากับ 125.15% และ Payback Period เท่ากับ 1.22 ปี วิเคราะห์
การเปลี่ยนแปลงเมื่อยอดขายลดลง 20% พบว่า ผลตอบแทนยังคง
มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 9% และผลตอบแทนที่คาดหวังที่ 12% แต่
อย่างไรก็ตาม หากดำเนินกิจการจริงก็ควรติดตามยอดขายและผู้
แข่งขันรายใหม่ด้วย และรักษายอดขายให้เป็นไปตามประมาณการโดย
การเพิ่มการทำการตลาดผ่าน Google Ads SEO และ Facebook Ads
เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มจำนวน ผู้เข้าชมเว็บไซต์ (UIP) ได้
Full Text : Download! |
||
4. | การศึกษาวินิจฉัยด้านการจัดการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิต และลดความสูญเสีย 7 ประการ กรณีศึกษาสายการผลิต LEVER TILE [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : คชพล สิริทรัพย์อุดม | ||
วัตถุประสงค์ในการศึกษานี้ เพื่อประยุกต์ใช้ความรู้การวินิจฉัยองค์กร เพื่อสำรวจวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของปัญหาด้านการจัดด้านการผลิต, วิเคราะห์ประสิทธิภาพและความสูญเปล่าของกระบวนการผลิต , ปรับปรุงประสิทธิภาพของสายการผลิตให้สูงขึ้น, ลดความสูญเปล่าทั้ง 7 ประการ และต้นทุนในกระบวนการผลิต โดยทำการศึกษากรณีตัวอย่างการจัดการผลิตของ บริษัท บุญส่งพรีซิชั่นซัพพลาย จำกัด ในการผลิตชิ้นงาน Lever Tilt ผลการศึกษา พบว่าด้านการบริหารจัดการด้านการผลิตไม่มีประสิทธิภาพส่งผลกระทบต่อการส่งมอบชิ้นงานล่าช้าถึงร้อยละ 40.00, มีอัตราชิ้นงานเสียถึงร้อยละ 9.67 และมีชิ้นงานส่งคืนจากลูกค้าถึงร้อยละ 12.61 มีอัตราการเก็บวัสดุคงคลังรวมถึงชิ้นงานระหว่างกระบวนการผลิตและชิ้นงานสำเร็จสูงถึงร้อยละ 141.03 ในเดือนมกราคม และรวมถึงการมีโครงสร้างต้นทุนที่สูงถึงร้อยละ 97.33 จากต้นทุนวัตถุดิบทางตรงและทางอ้อมถึงร้อยละ 73.32 ที่ส่งผลให้สามารถมีอัตราส่วนการทำกำไรเพียงร้อยละ 2.67 และในการควบคุมการผลิตที่ไม่มีประสิทธิภาพส่งผลให้มีประสิทธิภาพการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 50.10 หรือมีปริมาณผลการดำเนินการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 2,231 ชิ้นต่อวัน และมีความสัมพันธ์การทำงานระหว่างคนและเครื่องจักรที่ไม่สมดุลโดยคนมีเวลาการทำงานสูงถึงร้อยละ 79.27 หรือ 15.30 วินาที และมีช่วงเวลารอคอยเครื่องจักรทำงานเพียงร้อยละ 20.73 หรือ 4 วินาที ส่งผลให้การดำเนินการผลิตมีประสิทธิภาพอยู่เพียงร้อยละ 78.35 ที่มีประสิทธิภาพด้านการผลิตอยู่เพียงร้อยละ 54.66 จากขั้นตอนการผลิตทั้งหมด
Full Text : Download! |
||
5. | การศึกษาความเป็นไปได้เพื่อการดำเนินธุรกิจโรงแรมบูติกขนาดเล็ก [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ชยดล อุบลบาน | ||
การศึกษาประเมินความเป็นไปได้ของโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจโรงแรม เพื่อสร้างความเจริญเติบโต และผลกำไรใน การดำเนินธุรกิจ โดยทำการศึกษาทางด้านการตลาด ด้านวิศวกรรม ด้านการบริหาร และทางด้านการเงิน เพื่อตรวจสอบและประเมินว่าโครงการมีความเป็นไปได้หรือไม่
จากการศึกษานี้ ได้พิจารณารูปแบบธุรกิจเป็นโรงแรมบูติกขนาดเล็ก โดยมีชื่อโครงการว่า โรงแรมบูติก บ้านวงษ์เตปาบูติกโฮเทล จากการศึกษาทางด้านการตลาด พบว่า มีความเป็นไปได้ด้านการตลาด โดยการวิเคราะห์ SWOT พบว่า อุปสงค์มีการขยายตัวมากขึ้น สถานะทางการเมืองของประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย และการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในเขตพระนครและเขตดุสิตที่โครงการนี้ตั้งอยู่ ด้านวิศวกรรมได้ข้อสรุปที่ว่า โครงการต้องให้ความสำคัญ การออกแบบทางสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน การกำหนดแนวคิดของโครงการ (Concept) ด้านการบริหารรูปแบบการดำเนินงานและบริหารจัดการ แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือฝ่ายบริหารงานโรงแรม ฝ่ายการตลาด และฝ่ายการเงินและบัญชี โดยฝ่ายการเงินและบัญชี จะใช้บริการที่ปรึกษาทางด้านบัญชี การคัดเลือกบุคลากรจะใช้วิธีการคัดเลือกตามคุณสมบัติที่กำหนดและมีการสลับเวลาในการทำงาน ตามความเหมาะสม และทางด้านการเงิน ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 5 ล้านบาท ระยะเวลาของโครงการ 10 ปี ระยะเวลาคืนทุน 5 ปี 5 เดือน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV) เท่ากับ 4,986,730.89 บาท อัตราผลตอบแทน (Internal Rate of Return : IRR) เท่ากับ 27.31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ในการลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจ
Full Text : Download! |
||
6. | วิเคราะห์ความเป็นไปได้โครงการศูนย์การค้าพระราม2 จังหวัดสมุทรสาคร [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ชมภู เจริญสุข | ||
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้
ของธุรกิจ เพื่อหารูปแบบธุรกิจศูนย์การค้า (Business Model) ปัจจัย
แห่งความสำเร็จ (Key Success Factors) พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง
ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของโครงการศูนย์การค้าพระราม2 จังหวัด
สมุทรสาคร ผลการศึกษาวิเคราะห์ข้างต้นปรากฏว่าในกรณีปกตินั้นจะ
มี PB เท่ากับ 2.75 ปี DBP ที่ 12% เท่ากับ 4.89 ปี NPV ในระยะเวลา 10
ปี เป็น 600 ล้านบาท และ IRR เท่ากับ 25% ส่วนในกรณีที่แย่กว่าปกติ
นั้น PB เท่ากับ 3.79 ปี DPB ที่ 12% เพิ่มขึ้นเป็น 6.89 ปี NPV ที่ 12%
ลดลงเหลือ 554 ล้านบาท และ IRR เท่ากับ 18% โครงการนี้จะสร้าง NPV
ให้กับผู้ลงทุนอย่างน้อย 554 ล้านบาท คืนทุนในระยะเวลา 6.89 ปี และ
IRR เท่ากับ 18% ถ้าผลการศึกษานี้เป็นที่พอใจของผู้ลงทุน ก็ถือว่า
สามารถลงทุนได้ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้ เพราะค่า NPV ได้ค่าเป็นบวก
ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว
Full Text : Download! |
||
7. | การรับรู้ข้อมูลข่าวสารการสื่อสารการตลาดกับทัศนคติของบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมัน “เอสโซ่” บนเส้นทางหลักสายภาคเหนือ ที่มีต่อน้ำดื่มตราสยาม [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ทรงพร จั่นเทศ | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ข้อมูลข่าวสารการสื่อสารการตลาดน้ำดื่มตราสยาม และศึกษาทัศนคติของบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ที่มีต่อผลิตภัณฑ์น้ำดื่มตราสยาม เส้นทางถนนสายเอเซียภาคเหนือ และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารการสื่อสารการตลาดกับทัศนคติของบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ที่มีต่อผลิตภัณฑ์น้ำดื่มตราสยาม ผลการศึกษา พบว่าบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมันมีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารการสื่อสารการตลาดน้ำดื่มตราสยาม จากโฆษณาน้ำดื่มตราสยาม มีการสื่อสารแนะนำให้รู้จักน้ำดื่มตราสยามจากบุคคลที่เป็นพนักงานขาย มีการส่งเสริมการขายเป็นที่สนใจแก่ลูกค้าผู้บริโภคจากการให้เป็นของแถมในการเติมน้ำมัน และมีการรับรู้เกี่ยวกับน้ำดื่มตราสยามที่สะท้อนถึงรูปแบบของตัวผลิตภัณฑ์จากประเภทของการบรรจุขวดที่มีหลายขนาดตามความต้องการของผู้บริโภค และบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เส้นทางถนนสายเอเซียภาคเหนือ มีทัศนคติต่อน้ำดื่มตราสยาม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารการสื่อสารการตลาดน้ำดื่มตราสยามกับทัศนคติของบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ที่มีต่อน้ำดื่มตราสยาม เส้นทางถนนสายเอเชียภาคเหนือ พบว่าการรับรู้ข้อมูลข่าวสารการสื่อสารการตลาดของน้ำดื่มตราสยามมีความสัมพันธ์กับทัศนคติของบุคลากรประจำสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เส้นทางถนนสายเอเซียภาคเหนืออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5
Full Text : Download! |
||
8. | การประยุกต์ใช้ IE เทคนิค ในโรงงานผลิตสปริงบูซเตอร์ [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : เดชศักดิ์ดา ประสมศรี | ||
การศึกษานี้ เพื่อประยุกต์ใช้ เทคนิควิศวกรรมอุตสาหการ
ในการปรับปรุงการผลิตสปริงบูซเตอร์ (Booster Spring) โดยการ
ปรับปรุงครั้งที่ 1 คือ การจัดสมดุลการผลิตจากหลักการ ECRS สามารถ
ลดความสูญเปล่าจากการรอคอยน้อยลงประสิทธิภาพการจัดสมดุล
ผลิตเพิ่มขึ้นจากก่อนการปรับปรุงร้อยละ 61 เป็นร้อยละ 74 กำลังการ
ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 แต่ยังไม่
บรรลุวัตถุประสงค์ดา้ นต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจึงต้องปรับปรุงครั้งที่ 2
การปรับปรุงครั้งที่ 2 พิจารณาการเพิ่มทรัพยากรด้านเครื่องจักร
เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มทรัพยากรด้านกำลังคนได้ โดยมีการพิจารณา
การเพิ่มเครื่องจักรจากการวิเคราะห์ตารางภาระงาน การใช้เอกสาร A3
Document เพื่อขออนุมัติ หลังจากที่เพิ่มเครื่องและจัดสมดุลการผลิต
ใหม่ทำให้มีความสมดุลในการผลิตมากขึ้น สามารถเพิ่มกำลังการผลิต
ได้ร้อยละ 84 ประสิทธิภาพการจัดสมดุลผลิตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 61 เป็น
ร้อยละ 89 ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 สามารถลดพนักงานได้ 2
คน จากการลดกะการทำงานในกลางคืนลดต้นทุนได้ 467,568 บาทต่อปี
เมื่อคำนวณจุดคุ้มทุนจากต้นทุนการสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ คือ
5.2 เดือน ถือว่าคุ้มค่าในการลงทุน
Full Text : Download! |
||
9. | ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรมของผู้ประกอบการยานยนต์และชิ้นส่วน [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : ดลฤดี สมัยมงคล | ||
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ส่วนประสมการตลาด ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรมของผู้ประกอบการยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายหลักผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล ที่มีแนวโน้มทำธุรกิจกันได้ (High Potential Customer) จำนวน 185 บริษัท
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ผู้ประกอบการยานยนต์และชิ้นส่วนที่มีอายุ และตำแหน่งหน้าที่การงานแตกต่างกันมีการตัดสินใจซื้อเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ ส่วนประสมทางการตลาดในทุกๆ ด้าน ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านส่งเสริมการตลาด ด้านภาพลักษณ์ และด้านการบริการหลังการขาย มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจซื้อเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรมในระดับปานกลาง
จากผลการศึกษา ผู้จำหน่ายเครื่องมือทางอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญกับปัจจัยส่วนบุคคลทางด้านอายุ และตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อพัฒนาระดับของการตัดสินใจซื้อให้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน แนวทางในการทำกลยุทธ์การตลาดในอนาคตควรมีการเน้นส่วนประสมการตลาด การสร้างความน่าเชื่อถือด้านผลิตภัณฑ์ การขายโดยพนักงานขาย และด้านการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจ
Full Text : Download! |
||
10. | การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจให้บริการเว็บไซต์ สำเร็จรูปแบบ CMS [แสดงบทคัดย่อ] [ซ่อนบทคัดย่อ] | |
ผู้แต่ง : อิติสรณ์ นิติอภัยธรรม | ||
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารูปแบบธุรกิจ (Business Model) ที่เหมาะสมกับการเริ่มธุรกิจบริการเว็บไซต์สำเร็จรูปแบบ CMS , ประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจผ่านการศึกษา 4 ด้าน คือ ด้านการตลาด ด้านการเงิน ด้านเทคนิค และด้านบริหาร, ประเมินผลตอบแทนของธุรกิจบริการเว็บไซต์สำเร็จรูปแบบ CMS โดยการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากเงินลงทุน (Return on Investment) ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) และผลตอบแทนปัจจุบันของโครงการ (Initial Rate of Return) และเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อกำหนดแผนการฉุกเฉินรองรับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว (Contingency Plan) การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปแบบ CMS พบว่า ใช้เงินทุนเริ่มแรกในส่วนของเจ้าของทั้งหมด ร้อยละ 100 เป็นจำนวน 2,000,000 บาท จึงมีความเป็นไปได้ในการลงทุนด้านการตลาด ด้านการบริหารจัดการ และด้านการเงิน โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) มีค่าเท่ากับ 93,900,783 บาท อัตราผลตอบแทนจากโครงการ (IRR) มีค่าเท่ากับ ร้อยละ 1,647.24 ซึ่งมากกว่าอัตราคิดลดที่ร้อยละ 12 มีระยะเวลาคืนทุนตั้งแต่เดือนแรก ของการเริ่มโครงการ และอัตราผลตอบแทนของการลงทุนเฉลี่ย (ROI) อยู่ที่ ร้อยละ 1,413.17 และอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) อยู่ที่ ร้อยละ 1,413.17 จากการทดลองทำการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นการเข้าใช้บริการของลูกค้าไม่เป็นไปตามคาดหวังไว้ โดยลดลงจากปกติ (ร้อยละ100) เป็นร้อยละ 90 และร้อยละ 80 ตามลำดับ หรือกรณีที่ต้นทุนค่าจ้างแรงงานเพิ่มสูงขึ้นจากปกติ (ร้อยละ100) เป็นร้อยละ 120 และร้อยละ 140 ตามลำดับ
Full Text : Download! |
||
Center of Academic Resource
Institute of Technology 1771/1, E Building, Fl. 2,
Pattanakarn Rd, Suan Luang, Bangkok, 10250